ความสำคัญของวัดนี้ได้ปรากฏอยู่ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย เมื่อครั้งอังกฤษได้มลายูเป็นเมืองขึ้น ได้มีความพยายามจะรวมเมืองนราธิวาสไว้ในเขตมลายูด้วย แต่ทางการไทยอ้างว่าหัวเมืองนี้เป็นของไทยมายาวนาน โดยได้ยกเอาวัดชลธาราสิงเหที่อำเภอตากใบซึ่งเป็นวัดไทยมาเป็นข้ออ้าง อังกฤษจึงยอมให้นราธิวาสเป็นของไทยในท้ายที่สุด น่าชม พระอุโบสถเก่า สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเขียนโดยฝีมือพระภิกษุชาวสงขลาที่มีความงดงามมาก สามารถถ่ายทอดรูปแบบชีวิตวัฒนธรรมความเป็นอยู่ท้องถิ่นของชาวใต้ได้อย่างน่าสนใจ ศาลาธรรมรุ่นเก่า มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมภาคใต้ผสมอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมจีน ดูแปลกตา วิหารเก่าด้านหลังวัด ภายในมีประติมากรรมปูนปั้นรูปพระนารายณ์ 4 กร ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์ที่เข้ามาในสมัยโบราณ วัตถุโบราณเก่าแก่ เช่น เครื่องถ้วยชามสมัยราชวงศ์ซ้อง พระพุทธปางไสยาสน์ที่มีพญานาคสองตัวทำหน้าที่คอยป้องกัน ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดอายุได้แน่ชัด พระอุโบสถหลังเก่านั้น เปิดให้ชมทุกวันระหว่างเวลา 08.00 น.-17.00 น. การเข้าชมภายในต้องขออนุญาตจากเจ้าอาวาสวัด ที่ตั้ง : หมู่ 3 ตำบลเจ๊ะเห ริมฝั่งแม่น้ำตากใบ จากตัวเมืองออกไปตามเส้นทางสาย นราธิวาส-ตากใบ