ไม่รอด! จับกุมผู้ต้องหาค้ายาบ้า 8 ล้านเม็ด พร้อม ‘หนุ่มนราธิวาส’ ค้านํ้ายาบุหรี่ไฟฟ้า 48,600 ขวด
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 กันยายน ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล รอง ผบช.ปส., แถลงผลการจับกุมและสกัดกั้นผู้ค้ายาเสพติด ของกลางยาบ้าจำนวน 8 ล้านเม็ด พร้อมด้วยน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 48,600 ขวด และสรุปผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564
คดีเเรก เมื่อวันที่ 24 กันยายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 และ 3 บก.ปส.3, บก.ขส.เจ้าหน้าที่ทหาร และ ป.ป.ส. ร่วมกันสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญได้ 4 รายดังต่อไปนี้
1.นายโชติพัฒน์ กิ่งลูกอินไชยพร อายุ 38 ปี
2.นายเก่งชัย โสมงาน อายุ 39 ปี
3.นายเอกพงษ์ เอกเจริญ อายุ 38 ปี
4.นายอำพล โพธิประดิษฐ อายุ 39 ปี
พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 8 ล้านเม็ด รถยนต์ 3 คัน และโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง โดยจับกุมผู้ต้องหารายแรกได้ที่บริเวณหน้าโรงแรมเเห่งหนึ่ง ใน จ.อุตรดิตถ์ รายที่ 2 จับได้บริเวณหน้าเขื่อนสิริกิติ์ เเละ รายที่ 3 เเละรายที่ 4 จับได้ที่บริเวณหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงไพรวัลย์ จ.พิษณุโลก
โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเหล่านี้ คือ เป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่ายนายเก่งชัย โสมงาม โดยจะลักลอบนำเข้ายาเสพติดมาจากชายเเดนภาคเหนือเพื่อเข้าสู่ราชประเทศไทย ใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด โดยในวันเกิดเหตุทางชุดจับกุมสังเกตเห็นพิรุธจากการที่กลุ่มรถยนต์ของผู้ต้องหาขับคุ้มกันเป็นขบวนเเละวนเวียนในพื้นที่บ้านห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ จนขบวนรถของผู้ต้องหาทั้งหมดขับเข้าไปจอดที่โรงเเรมในบริเวณนั้น ทางชุดจับกุมจึงเเสดงตัวเเละตรวจค้นเเละพบยาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า) กว่า 8 ล้านเม็ด
คดีที่สอง เมื่อวันที่ 21 กันยายน เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สวส. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.4 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส. ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหารายสำคัญ 2 คนดังนี้
1.นายซูลกีฟลี มามะเร็ง อายุ 27 ปี ชาวนราธิวาส
2.นายนิยูดี ปะจูสาลา อายุ 34 ปี ชาวนราธิวาส
พร้อมของกลางนํ้ายาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 48,600 ขวด รถกระบะ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหานั้นร่วมกันนำเข้าน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าหรือส่งออกไปนอนราชอาณาจักรซึ่งของยังมิได้ผ่านพิธีศุลกากร โดยทางชุดจับกุมได้รับเเจ้งว่ามีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ จ.เพชรบุรี จนกระทั่งวันที่ 21 กันยายน สามารถจับกุมผู้ต้องหาคนที่ 1 ได้ที่จุดตรวจความมั่นคงทุ่งสวรรค์ จ.ชุมพร พร้อมของกลางนํ้ายาบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 43 ลัง ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระบะ เเละจับกุมผู้ต้องหารายที่ 2 ในที่บริเวณลานจอดรถ ต.วังตะกอ ใน จ.ชุมพร พร้อมของกลาง 42 ลัง ซ่อนอยู่ท้ายกระบะ รวมของกลางนํ้ายาบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 48,600 ขวด มูลค่าของกลางประมาณ 7 ล้านบาท
คดีที่สาม เมื่อวันที่ 20 กันยายน เวลา 05.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 บช.ปส. ร่วมกับ ภ.จว.นครพนม, ศวข.ปส.2, ศวข.บก.ขส.บช.ปส., และ ทกย.กกล.สุรศักดิ์มนตรี จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ 8 รายดังนี้
1.นายอภิศักดิ์ บุตรอุดม อายุ 25 ปี
2.นายมนัส ดีเลิศ อายุ 32 ปี
3.Mrs. Chakriya Vibol อายุ 30 ปี ชาวกัมพูชา
4.นายชญาน์วัชร เสมียนหร่าย อายุ 24 ปี
5.นายบุญลือ พิทักษ์วงศ์ อายุ 47 ปี
6.นายวัลลภ ดอนเสือ อายุ 43 ปี
7.Mrs.Sothea UT อายุ 20 ปี ชาวกัมพูชา
8.Mrs.Voleak Poch อายุ 28 ปี ชาวกัมพูชา
พร้อมของกลาง ยาบ้า 4 ล้านเม็ด
โดยพฤติการณ์ของคดีนี้ สืบเนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ตำรวจได้จับผู้ต้องหาคดียาเสพติด 3 คน โดยได้ของกลางเป็นยาบ้ากว่า 4 ล้านเม็ด หลังการสืบสวนขยายผลทราบว่ายังมีบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดนี้ยังลอยนวลอยู่คือ นายวัลลภ ดอนเสือ กับพวกที่ยังไม่ถูกจับกุม
ต่อมาวันที่ 19 กันยายน จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มของนายวัลลภ ดอนเสือ กับพวกจะลำเลียงยาบ้าจากพื้นที่เเนวชายเเดน จ.บึงกาฬ ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ตอนในโดยจะลำเลียงยาโดยใช้รถยนต์ จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 20 กันยายน เจ้าหน้าที่ชุดสังเกตการณ์สามารถติดตามสะกดรอยรถยนต์ต้องสงสัยได้ บริเวณ อ.พรรณานิคม มุ่งหน้า อ.พังโคน จ.สกลนคร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงติดตามขบวนรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 4 คันไป จนถึงบริเวณสามเเยกไฟเเดงรถทั้งสี่คันได้พยายามหลบหนีจนในที่สุดผู้ร้ายได้ทิ้งรถไว้จ้างทางชุดจับกุมจึงตรวจสอบพบกระสอบสีดำหลายใบซึ่งเชื่อว่าเป็นยาเสพติด เวลาต่อมาทางชุดจับกุมสามารถตามจับกุมตัว ผู้ต้องหาที่ยังเหลืออยู่อีก 5 คน ไว้ได้ รวมถึงนายวัลลภ ดอนเสือ ด้วย
จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันลำเลียงยาเสพติด จากเเนวชายแดน จ.บึงกาฬ เพื่อไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ตอนในแต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส. จับกุมตัวได้ก่อน