เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จัดสัมมนา “ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้” มีวิทยากร ประกอบด้วย นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต., นายธนวัตน์ พูนศิลป์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา, นายศิริชัย ปิติเตริญ ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี, นายรักชาติ สุวรรณ ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ และ นพ.กิ๊ฟลัน ดอเลาะ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
นาวาเอก จักรพงษ์ กล่าวว่า ศอ.บต. เป็นหน่วยที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงและบูรณาการของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงภาคท้องถิ่น ในการขับเคลื่อนชายแดนภาคใต้ไปสู่สันติสุข ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายใต้วิถีพหุวัฒนธรรม ล่าสุด ดัชนีความเชื่อมั่นในจังหวัดชายแดนใต้ พบว่า ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและสังคม ปรับตัวดีขึ้นอยู่ระดับขึ้น A52
นาวาเอก จักรพงษ์ กล่าวว่า การผ่อนคลายมาตรการของรัฐบาล ทำให้กิจการบางส่วนกลับมาดำเนินการได้อีกครั้งหนึ่ง ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตในประจำวันอย่างปกติมากขึ้น และไตรมาสนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรของชายแดนใต้ทั้ง ทุเรียน มังคุด ลองกอง ช่วยบรรเทารายได้ของเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย
นาวาเอก จักรพงษ์ กล่าวถึงการพัฒนาพื้นที่ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง ว่า การขับเคลื่อนงานศอ.บต.ในระยะเร่งด่วนมุ่งเน้นเศรษฐกิจฐานราก เชื่อมระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลมุ่งสู่เมืองต้นแบบใน 4 เมือง ธุรกิจฐานรากครัวเรือนชุมชนมุ่งเน้นภาคเกษตรจะแบ่งตามลักษณะภูมิศาสตร์ ทั้งชายทะเล พื้นที่ราบ รวมถึงผลผลิตทางการเกษตรส่งเสริมการปลูกทุเรียน มังคุด ลองกอง และในครัวเรือน ชุมชนจะเน้นเรื่องปลูกไผ่เศรษฐกิจเพื่อรองรับโรงไฟฟ้าชีวมวล
“ส่วนระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยว จะขับเคลื่อนเมืองปูทะเลโลกชายแดนใต้ ฟื้นฟูนิคมอาหารฮาลาลที่ปานาเระกลับมาอีกครั้ง โครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จะเริ่มเมืองหนองจิก อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เช่นเดียวกับโกลก เมืองการค้าชายแดน 9 ด่าน ตั้งแต่สตูล-ตากใบ ขณะนี้ ศอ.บต.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนอย่างเต็มรูปแบบ เตรียมความพร้อมการเปิดประเทศ”นาวาเอก จักรพงษ์ กล่าว
นาวาเอก จักรพงษ์ กล่าวว่า อีกเมืองคือการท่องเที่ยวที่เบตง ก่อนหน้านี้มีคนมาเที่ยวอัยเยอร์เวง 2 แสนคน ตรงนี้จะขับเคลื่อนต่อ โดยเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เข้ามา มติที่สำคัญ 1. การแก้ปัญหาประมงปัตตานี 2.ไม้เศรษฐกิจ 58 ชนิด จะขับเคลื่อนต่อประมาณ 2 แสนไร่ในกรอบ 5 ปี โดยเฉพาะไม้โตเร็ว 3.การวิ่งภายในภูมิประเทศในปี 2565 4.การแก้ไขปัญหาความยากจน จะนำร่องให้ราชการดูแลคนจนก่อน 5.ปัญหาน้ำท่วมทุกปีที่ปากน้ำเทพา เร่งแก้ปัญหาให้ดีขึ้น 6. ด่านการค้าชายแดน การเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ด่านที่ต้องการขับเคลื่อนให้เร็วที่สุดคือ ด่านสุไหงโก-ลก และสะเดา
นาวาเอก จักรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องใบยางร่วง เป็นปัญหาที่ได้รับอนุมัติเงินจากการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) มาแก้ไขเร่งด่วน สำหรับแรงงานไทยที่กลับมาจากมาเลเซียประมาณ 2 หมื่นคน ได้จัดหางานให้ทำได้ประมาณ 1 หมื่นคน สุดท้ายคือนักศึกษาไทยจากต่างประเทศที่ไปเรียนมา 27 ประเทศ ประมาณ 1 หมื่นคนต้องกลับมา ศอ.บต.ก็เข้าไปดูแล
ด้านนายศิริชัยกล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนใต้แตกต่างจากพื้นที่อื่น เพราะมีความเปราะบางด้านเศรษฐกิจมาตลอด ต้องได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ อยากให้ภาครัฐมองว่ากาดูแลเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนใต้ ต้องแตกต่างในพื้นที่อื่น แต่ละจังหวัดมีปัญหาต่างกัน สงขลามีโรงงานอุตสาหกรรม มีการท่องเที่ยว ซึ่งกระทบไปหมด ยะลามีเบตง นราธิวาสมีสุไหงโก-ลก ปัตตานีมาจากอุตสาหกรรมประมง กระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบระยะยาว เวลานี้ปัญหาโควิดค่อยๆ ดีขึ้น
นายศิริชัยกล่าวว่า สิ่งที่ต้องมองในอนาคตคือ นโยบายการเงินการคลัง ต้องดูแลเป็นกรณีพิเศษแตกต่างจากที่อื่น อยากให้นโยบายด้านเศรษฐกิจลงมาถึงจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยอยากฝากถึงศอ.บต.ด้วย การจะฟื้นเศรษฐกิจเมื่อโควิดคลี่คลาย ยังยืนยันว่าปัตตานียังต้องการประมงเข้ามา รอสงขลาที่จะส่งนักท่องเที่ยวเมื่อเปิดเมืองแล้วมายัง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขอบคุณศอ.บต.ที่ทำหลายๆ โครงการ เพื่อให้เศรษฐกิจชายแดนใต้กลับคืนมาให้ได้
นายธนวัตน์กล่าวว่า ตนมองข้ามโควิดไปแล้ว การแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็ไแก้ไขไปบ้างแล้ว อีกไม่กี่วันทุกอย่างคงเข้าสู่สภาวะปกติ สำหรับปัตตานีต้องเร่งอุตสาหกรรมอาหาร ผู้ประกอบการประสบปัญหากับประมงมาหลายปี ในการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ 1. ระบบราชการต้องการกำลังคุณภาพสูง 2. การลงทุนเรื่องโลจิสติกส์ 3. การแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง 4.สินค้าการเกษตรและการเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง 5.แก้ปัญหาการก่อการร้าย ยกเลิกพื้นที่สีแดงสงขลา 6. ภาครัฐและศอ.บต.ผลักดันแผนอย่างจริงจัง 7. ลดความยากจน มีความคุ้มครองสังคม และ 8. SMEs เข็มแข็งศักยภาพสูงแข่งขันได้
“ถ้ามองในขณะนี้ศอ.บต.ทำงานไปเยอะมากทั้งด้านการศึกษา ทางด้านอาชีพ การสร้างงาน ถ้าได้ขับเคลื่อนอย่างจริงจัง น่าจะไม่มีคนจนเหลืออยู่ใน 5 จังหวัด ถ้าอีก 3 ปีข้างหน้า คนจนยังเหลืออยู่ในสามจังหวัด ผมคิดว่าการขับเคลื่อนไม่ได้ผล” ประธานหอการค้าสงขลากล่าว
นายรักชาติกล่าวว่า ที่ปานาเระ ไม่มีประเด็นคัดค้านโรงงานอุตสาหกรรมฮาลาล แต่กังวลใจเมื่อเป็นฮาลาลเขารับคนทำงานเฉพาะมุสลิมหรือไม่ ก็ได้อธิบายไปว่าพี่น้องพุทธเขาก็รับแต่ต้องทำตามกฎระเบียบ
นพ.กิ๊ฟลันกล่าวว่า สถานการณ์โควิดในสามจังหวัดชายแดนใต้ตัวเริ่มลดลงแต่ยังวางใจไม่ได้ ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดี หลังจากนี้ เป็นการฟื้นฟูทั้งร่างกายสภาพจิตใจ ถ้ามองเรื่องของโครงสร้าง หนึ่งคือ ราชการเป็น
ตัวหลักในการขับเคลื่อนสามจังหวัดชายแดนใต้ สองเอกชน สามการเมือง สี่ประชาสังคม และห้าคือ กลุ่มศาสนาจะมีบทบาทมากในพื้นที่