เทศบาลเมืองนราธิวาส โดยนายไพซอล อาแว นายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส รับมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย ประจำปี 2565 จากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ผู้แทนจากสำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมในพิธีฯ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
นายไพซอล กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากๆ ที่เทศบาลเมืองนราธิวาสได้รับมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะในปีนี้ได้สำเร็จ และต้องขอบคุณทีมงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆท่านที่มีส่วนในการทำงานในครั้งนี้ หลังจากที่เราได้รับโอกาสจากทางจังหวัดนราธิวาส ให้เป็นตัวแทนเพื่อเสนอเป็นเมืองอัจฉริยะ พวกเราใช้เวลาถึง 1 ปี เต็มๆ ในการทำงาน เตรียมข้อมูล นำเสนอแผนดำเนินงานต่อสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า จนได้รับการคัดเลือกเป็นเมืองอัจฉริยะในปีนี้
ซึ่งหลังจากนี้ทางเทศบาลเมืองนราธิวาส จะขับเคลื่อนการทำงานตามแผนงานที่ได้เสนอต่อสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ให้สำเร็จและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ตามวิสัยทัศน์ที่ได้วางไว้ “เมืองสิ่งแวดล้อมสร้างสรรค์ เพื่อเศรษฐกิจและชุมชนเป็นสุข”
ด้านพลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตั้งแต่เริ่มต้น โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมและการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ทั้งผู้นำเมือง เจ้าหน้าที่ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน เพื่อให้ความต้องการของทุกภาคส่วนได้รับการพิจารณาและถูกระบุอยู่ในเป้าหมายของการพัฒนาเมือง มองโอกาสจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงมุ่งจัดสรรและแบ่งปันทรัพยากร ตั้งแต่การพัฒนาบุคลากร งบประมาณการลงทุน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยในทุกมิติ
“รัฐบาลต้องกำหนดนโยบายที่เท่าทันกับสถานการณ์ พร้อมสร้างมาตรการที่จะอำนวยความสะดวกและเป็นแรงจูงใจ อาทิ การมอบสิทธิประโยชน์ด้านภาษี หรือการจัดทำบัญชีบริการดิจิทัล เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของประเทศได้อย่างเท่าเทียม เกิดการลงทุนในภาคเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมที่ดี และเพิ่มโอกาสในชีวิตให้กับประชาชน” พลเอก ประยุทธ์ กล่าว
ขณะที่ นายชัยวุฒิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า ดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในทุกภูมิภาคทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน ส่งผลให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ จำนวน 15 เมืองใน 14 จังหวัด ครอบคลุมการให้บริการประชาชนกว่า 16 ล้านคน ซึ่งทั้งหมดผ่านการพิจารณาการประกาศมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะจากที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่มี พลเอก ประวิตร เป็นประธาน โดยมีการประเมินว่า 15 เมืองอัจฉริยะประเทศไทยจะช่วยให้เกิดโอกาสการลงทุนเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่จากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า ยังได้เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติบัญชีบริการดิจิทัลเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อเป็นกลไกในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในอีกทางหนึ่ง โดยมีการออกเป็นมาตรฐานกลาง ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐเข้าถึงบริการดิจิทัลที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐานสากล ด้วยราคาที่เหมาะสม โดยสมัครใจ ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการ และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการออกประกาศฯ ต่อไป
สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://smartcitythailand.or.th/