เขียนวันที่
วันพุธ ที่ 28 กันยายน 2565 เวลา 23:50 น.
บรรยากาศการเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้…เดือดปุดๆ ไม่แพ้พื้นที่อื่นของประเทศ
หลายคนมองว่าเดือดยิ่งกว่าอีกหลายๆ ภาค หลายๆ จังหวัดด้วยซ้ำไป
วัดปรอทจากวันหยุดราชการ หรือช่วงที่มีงานบุญ งานมงคล บรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. แกนนำพรรคการเมือง ปรากฏตัวแบบที่เรียกว่า “ไหล่ระบม” เพราะเดินสวน เดินชน เดินกระทบไหล่จนแทบจะยกมือไหว้ ยกมือสลามกันไม่ทัน
โดยเฉพาะพรรคการเมืองหลักๆ ที่มีลุ้นชิงเก้าอี้ ส.ส. ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และประชาชาติ
อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ในงานแต่งงานลูกสาวของ นายอนุพงศ์ พันธชยางกูร หรือ “อดีตกำนันโต๊ะเด็ง” อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ที่ร้านอาหาร River Ramp อำเภอเมืองนราธิวาส ปรากฏว่าคนดังของพื้นที่ระดับ VIP ที่ไปร่วมงาน มีทั้งคณะของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ, พญ.เพชรดาว ต๊ะมีนา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย
โดยเฉพาะ คุณหมอเพชรดาว สร้างเสียงฮือฮา เพราะเดินทางมาร่วมงานพร้อมกับ “คุณพ่อ” คือ นายเด่น โต๊ะมีนา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.ปัตตานี โดยนายเด่น อายุถึง 88 ปี ต้องนั่งรถเข็นมาร่วมงาน
นายเด่น โต๊ะมีนา เป็นนักการเมืองชื่อดังของพื้นที่ เป็นอดีตแกนนำกลุ่มวาดะห์ ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของอดีตผู้นำทางจิตวิญญาณ เพราะเป็นลูกชายของ หะยีสุหลง อับดุลกอเดร์ ผู้ถูกอุ้มฆ่าถ่วงน้ำหลังยื่นข้อเสนอ 7 ประการ เพื่อสิทธิทางการปกครองและวัฒนธรรมของคนปัตตานี หรือคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ถูกมองจากรัฐว่าเป็นภัยความมั่นคง
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ นายเด่น ออกงานร่วมกับลูกสาว ซึ่งกำลังจะลงสมัคร ส.ส.เขต 1 ปัตตานี ในสีเสื้อภูมิใจไทย โดยก่อนหน้านี้ได้ร่วมพบปะมวลชนกับลูกสาวติดๆ กันหลายครั้ง เช่น ร่วมกิจกรรมเมาลิดสัมพันธ์สถาบันศึกษาปอเนาะจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของสถาบันศึกษาปอเนาะอัลฮาชานีวิทยา หมู่ 6 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
ส่วนงานแต่งงานลูกสาวของอดีตกำนันโต๊ะเด็ง เป็นอีกงานหนึ่งที่มีประชาชนและคนการเมืองเข้าร่วมงานเยอะมาก เนื่องจาก นายอนุพงศ์ เป็นอดีตจำเลยในคดีปล้นปืน จำนวน 413 กระบอก จากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “วันเสียงปืนแตก” เป็นปฐมบทไฟใต้รอบปัจจุบันที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 20 ปี
กำนันอนุพงศ์ถูกจับในคดีปล้นปืน แต่สู้คดีจนศาลยกฟ้อง ท่ามกลางกระแสวิจารณ์เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน บังคับสารภาพ และทำร้ายร่างกาย ต่อมากำนันอนุพงศ์ได้ยื่นฟ้องตำรวจชุดจับกุมต่อศาล แต่ศาลยกฟ้องเพราะไม่มีหลักฐานหนักแน่นพอ สุดท้ายกำนันอนุพงศ์เอง โดนดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความเท็จ จนต้องติดคุก
อีกงานหนึ่งที่บรรดานักการเมืองไปร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมหน้าโดยมิได้นัดหมาย คืองานทำบุญ 7 วัน มารดาของ นายสุมิต มะสาและ เจ้าของ บริษัท รุสลันโยธา จำกัด ผู้กว้างขวางใน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
งานนี้มีทั้ง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นักการเมืองผู้มากบารมีที่สุดคนหนึ่งในยามนี้ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี เลขาธิการพรรค ซึ่งลงพื้นที่ถี่ยิบทุกสัปดาห์, นายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ, นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ประชาธิปัตย์ เขต 1 ปัตตานี ที่พรรคไม่ส่งลงสมัครในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ก่อนหน้านี้มีข่าว ส.ส.อันวาร์ อาจร่วมขบวนกับพรรคประชาชาติ ถึงขั้นออกงานพร้อมกับ พ.ต.อ.ทวี แต่ล่าสุดมีข่าวว่า “เงื่อนไขสูง” จึงไปด้วยกันไม่ได้ อาจต้องหันไปซบอกพรรคพลังประชารัฐ คาดว่าเร็วๆ นี้จะมีความชัดเจน แต่ประเด็นก็คือ ส.ส.อันวาร์ เล่นบทเป็น ”ฝ่ายค้าน” ในรัฐบาลพลังประชารัฐมาตลอด หากไปเข้าสังกัดพลังประชารัฐจริง ยังไม่แน่ว่ามวลชนผู้สนับสนุนจะว่าอย่างไร
ส่วนรายนี้ นายอนุมัติ อาหมัด ผู้กว้างขวางแห่งชายแดนใต้อีกคน ห่างพื้นที่ไปพอสมควรหลังลาออกจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว และไปปรากฏตัวต้อนรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขณะลงพื้นที่นราธิวาส สงขลา จนเกิดข่าวลือไปไกล แต่แล้วก็ช็อต หายไปดื้อๆ
ล่าสุด นายอนุมัติ มีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยเมื่อเร็วๆ นี้ นายอามีร ซาริคาน รองนายกเทศมนตรีตำบลรือเสาะ โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ได้รับเกียรติจาก ท่านอนุมัติ อาหมัด อดีต ส.ว.จังหวัดสงขลา ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจอุสตาซและน้องๆ ฮาฟิส มัตรอซะห์ตะห์ฟิซ ดารุลอูลูมอัลฟาตะห์อีนอ ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างเดินทางไปออกดะวะห์ ในพื้นที่ ต.ลาโละ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส”
ถือว่าเป็นการเปิดตัวกลับมาสู่สปอตไลต์อย่างเงียบๆ ของอดีต ส.ว.คนดัง อนุมัติ อาหมัด ซึ่งต้องรอดูว่าเจ้าตัวจะตัดสินใจร่วมงานกับพรรคใด
แต่คนระดับ ส.ว.อนุมัติ ต้องวางตัวระดับ “แม่ทัพ” เท่านั้น!
นี่คือความเคลื่อนไหวในแวดวงการเมืองชายแดนใต้ที่บอกได้คำเดียวว่า…ร้อนระอุจริงๆ