ถ้าเดินทางไปทางเขตชายแดนใต้ของประเทศไทย นับตั้งแต่จังหวัดปัตตานี ยะลา จนถึงจังหวัดนราธิวาส จะพบเห็นวัฒนธรรมการทอผ้าที่ได้อิทธิพลจากศาสนามุสลิม ทำให้ผ้าทอประเภทต่างๆ ในดินแดนภาคใต้มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
สำหรับผ้าทอมือพื้นเมืองลายโบราณที่สำคัญ คือ “ผ้าปะลางิง” โดดเด่นที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี จากฝีมือและภูมิปัญญาชาวมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีอัตลักษณ์ที่การใช้เทคนิคการพิมพ์ลายบนผืนผ้าด้วย “บล็อกไม้” แต่ละบล็อกแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และศาสนา เกิดเป็นมรดกทางภูมิปัญญาสืบทอดต่อกันมารุ่นสู่รุ่น
ด้วยความตระหนักในคุณค่าของภูมิปัญญาการทำผ้าโบราณ อาจารย์ปิยะ สุวรรณพฤกษ์ ครูภูมิปัญญาผ้าพื้นเมืองปะลางิง ชาว จ.ยะลา ร่วมกับกลุ่มศรียะลาบาติก ร่วมกันฟื้นฟูและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนมีการพัฒนาสร้างสรรค์กระบวนการผลิตจนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับสากล
อาจารย์ปิยะ บอกว่า กลุ่มศรียะลาบาติก เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2548 ด้วยแรงบันดาลใจของพวกเราที่อยากจะร่วมกันอนุรักษ์ภูมิปัญญาและกรรมวิธีการผลิตผ้าพื้นเมืองลายโบราณที่สูญหายไปร่วม 80 ปี และหนึ่งในความตั้งใจที่สำคัญ คือ การได้ต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิมและพัฒนารูปแบบให้ทันสมัยเข้ากับตลาดปัจจุบัน
“ เอกลักษณ์ของลายทอผ้าปะลางิง คือ การนำลวดลายโบราณมาประยุกต์ อาทิ ลวดลายมัสยิดโบราณ กระเบื้องโบราณ แม่พิมพ์ขนมโบราณ การละเล่นโบราณ นกเขา นกกรงหัวจุก ขณะที่การแกะแม่พิมพ์ไม้ ก็ใช้ไม้ขาวดำที่ใช้ทำกรงนก เพราะมีคุณสมบัติที่แข็งและเหนียว ทำให้แกะเป็นลายเส้นเล็กๆได้ “
กว่าจะได้ผ้าปะลางิงหนึ่งผืน ครูภูมิปัญญาอธิบายว่า ต้องรวมทุกเทคนิคของการทำผ้าบาติกไว้ในผ้าผืนเดียว ประกอบด้วยการทอ มัดย้อม การพิมพ์ลายด้วยแม่พิมพ์ไม้ การเขียนเทียน (จันติ้ง) กัดสี ปิดสี และเพ้นท์สี ส่วนเนื้อผ้ามีลักษณะเป็นผ้าทอไหมผสมฝ้าย เส้นยืนคือฝ้าย ส่วนเส้นพุ่งใช้เส้นไหม ทอเป็นลายลูกแก้วซ้อนกัน
กระบวนการจะเริ่มจากกระบวนการทอ ต่อด้วยการมัดย้อมดอกลายบางๆ นำมาขึงแล้วเขียนทับสีที่มัดย้อม นำมาล้างสีออก ให้เหลือลายที่เขียนทับด้วยเทียน ตามด้วยการลงสีพื้นทับทั้งหมด เตรียมแม่พิมพ์ไม้สำหรับการพิมพ์ ซึ่งแม่พิมพ์แกะเอง ลงสีตามช่องตัวลายที่พิมพ์ลงไป
ในส่วนหัวผ้าจะมีการปิดเทียนและลงสีเพิ่มเพื่อเพิ่มมิติให้กับตัวลาย หัวผ้าจะมีการเขียนและโชว์ลายมากกว่าตรงส่วนอื่น เมื่อลงสีทั้งหมดแล้ว จะรอให้ผ้าแห้งแล้วเคลือบทับด้วยโซเดียมซิลิเกต ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกับการทำผ้าบาติก ปล่อยให้แห้ง นำไปล้าง ต้มเอาเทียนออก แล้วซักล้างให้สะอาด สำเร็จเป็นผ้าพื้นถิ่นปักษ์ใต้ชวนมองและมีไว้ครอบครอง
การอนุรักษ์ สืบสาน และพัฒนาผ้าปะลางิง ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อปี 2558 สมาชิกกลุ่มศรียะลาบาติกได้รับการถ่ายทอดความรู้ในการพัฒนาเพิ่มมูลค่าให้กับผ้าพื้นถิ่นจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม ที่ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย ร่วมกับดีไซเนอร์ผู้มีชื่อเสียง อาทิ ธีระ ฉันทสวัสดิ์ และหิรัญพฤกษ์ ภัทรบริบูลย์กุล มาช่วยพัฒนาความรู้ จนสามารถประยุกต์ออกแบบลวดลายผ้า และกำหนดเทรนด์สีจากสีธรรมชาติให้เข้ากับยุคสมัย สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากมาย เป็นที่นิยมในไทยและต่างประเทศ ขณะนี้มีลวดลายกว่า 200 แบบ ทุกลายมีเรื่องเล่า นอกจากนี้ กลุ่มได้ถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนต่างๆ ด้วย
ความงดงามของผ้าลวดลาย สีสันของผ้าปะลางิงที่กล่าวมา คนไทยสามารถติดตามผลงานและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของ กลุ่มศรียะลาบาติก ได้ผ่านทาง เพจSriYala-Batik เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้ชุมชน