ผู้ประกอบการผับบาร์ ร้านอาหารกลางคืน ในอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังจากประเทศมาเลเซียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงต่อเนื่อง พื้นที่ชายแดนภาคใต้ เปลี่ยนจากเมืองท่องเที่ยวยามราตรี เป็นความเงียบเหงา ติดตามจากคุณอรรถพล ดวงจินดา
บรรยากาศที่เงียบเหงา ร้านค้า ผับบาร์ ปิดสนิทแทบร้างทั้งซอย ไม่มีนักท่องเที่ยว เปลี่ยนสภาพจากย่านที่เคยมีสีสันยามค่ำคืนของชายแดนใต้ บนถนนเจริญเขต อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะผลกระทบจากโรคโควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักในประเทศมาเลเซีย ทำให้ผู้ประกอบการที่นี่ ทนแบกรับภาระไม่ไหว ต้องปิดตัวไปมากกว่า 80%
แม่ค้าขายเสื้อผ้าแฟชันผู้หญิงรายนี้ ซึ่งเปิดขายอยู่ร้านเดียว ยอมรับกับทีมข่าวว่า ถ้าไม่มีเงินเก็บ และเจ้าของแผงเช่าที่ไม่ยอมลดค่าเช่าให้ครึ่งหนึ่งอย่างนี้ ก็คงต้องปิดกิจการไปเหมือนคนอื่น ก่อนหน้านี้เคยขายเสื้อผ้าได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อวัน ทว่าตอนนี้ขายเสื้อได้ไม่ถึง 5 ตัวต่อเดือน เป็นอย่างนี้มานานถึง 5 เดือนแล้ว ถ้าไม่มีทุนเดิม และรายได้ทางอื่นมาช่วย ก็คงสู้ต่อไม่ไหว
เช่นเดียวกับผู้ประกอบการร้านอาหารกลางคืน เล่าว่า ก่อนหน้านี้ในพื้นที่มีพนักงาน ทั้งคนไทยและประเทศเพื่อนบ้าน กว่า 1,000 คน แต่ตอนนี้เหลือไม่ถึง 20 คน ที่เหลือต้องกลับบ้าน เพราะไม่มีรายได้ ไม่ต่างไปจากเจ้าของผับบาร์กว่า 50 ร้าน ที่พากันปิดกิจการ เพราะลูกค้าหลักส่วนใหญ่ มาจากประเทศมาเลเซีย จึงได้แต่หวังว่า หากสถานการณ์โควิด19 คลี่คลายลง ที่นี่จะกลับมามีสีสันเช่นเดิม
แม้ว่าขณะนี้ พื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย จะไม่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มก็ตาม แต่ในประเทศมาเลเซีย กลับพบผู้ติดเชื้อสูงอย่างต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากกับการเข้า-ออกประเทศโดยเสรี วิธีที่ดีที่สุดในระหว่างรอวัคซีนป้องกัน คือทุกภาคส่วนต้องช่วยเป็นหูเป็นตาให้กัน ให้ประเทศไทย ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน