ฝ่ายความมั่นคง ปูพรมค้นชุมชนตะเข็บชายแดนนราธิวาส สกัดแรงงานข้ามชาติหนีโควิด-19 ระบาดเข้าไทย ขณะที่ผู้นำท้องถิ่น ยืนยัน การลาดตระเวนเข้มข้ม ทำแรงงานขยาดไม่กล้าข้ามแดนเสรีเหมือนเช่นเคย ติดตามรายงาน คุณอรรถพล ดวงจินดา
20.00 น.แล้ว แต่กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ตม. และฝ่ายปกครอง รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยังไม่หยุดภารกิจตรวจค้นชุมชน เพื่อสกัดกั้นการข้ามถิ่นของแรงงาน 3 สัญชาติ ซึ่งปกติจะข้ามแม่น้ำโกลกไปขายแรงงานประเทศเพื่อนบ้านตลอด โดยเลือกเคาะประตูบ้านเพื่อขอตรวจค้นและขอความร่วมมือคนในชุมชนให้ช่วยเป็นหูเป็นตา หลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รุนแรงในประเทศเพื่อนบ้านและลามมาถึงตะเข็บชายแดน
กำนันตำบลปาเสมัส ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้มีแรงงานผิดกฎหมายมาผ่านช่องทางของหมู่บ้าน และพื้นที่หมู่บ้านข้างเคียง ซึ่งอยู่ติดแม่น้ำโกลก จนจับกุมได้บ่อยครั้ง แต่พอทหารนำรั้วลวดหนามมาขึงรอบแนวจุดเสี่ยง และเพิ่มกำลังลาดตระเวน แรงงานผิดกฎหมายที่รอข้ามแดนก็หายไป
แม่น้ำโกลก ความยาว 169 กิโลเมตร ครอบคลุม 3 อำเภอ ของจังหวัดนราธิวาส คือ อำเภอแว้ง สุไหงโก-ลก และอำเภอตากใบ เป็นเส้นทางน้ำกั้นพรมแดน ซึ่งมีสวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน และชุมชน กระจายตัวอยู่ บางจุดชาวบ้านจะข้ามไปมาหาสู่กันเสมอ นี่จึงเป็นช่องทางสำคัญให้ขบวนการค้าแรงงานข้ามชาติใช้เป็นแหล่งกบดาน และนำแรงงาน 3 สัญชาติ ข้ามไปมาเพื่อขายแรงงาน ทำให้หน่วยความมั่นคงต้องสั่งยกเรือเล็กหลายพันลำขึ้นมาจากแม่น้ำ และงดการสัญจรทางน้ำชั่วคราว
การสนธิกำลังร่วมกันเพื่อลาดตระเวนในช่วงโควิดระบาด ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชาวบ้าน เพราะคนส่วนใหญ่กลัวว่าคนแปลกหน้าจะนำพาโรคไวรัสกินปอดเข้ามาระบาดในหมู่บ้าน นี่จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายปกครองพอใจ และย้ำว่าอยากให้กลุ่มนายหน้าค้าแรงงานหยุดพฤติกรรมที่จะทำให้คนในชาติตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะหากจับได้จะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด ทั้งคนนำพาและคนในชุมชนที่ให้ความร่วมมือกับขบวนการ
ยังมีแรงงาน 3 สัญชาติผิดกฎหมาย ที่กบดานตามตะเข็บชายแดน โดยปลูกขนำหลบสายตาเจ้าหน้าที่ตามสวนยาง ซึ่งเป็นจุดอ่อนของการลาดตระเวน การให้ความร่วมมือแก่รัฐจึงเป็นหัวใจสำคัญ ก่อนที่พวกเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นพาหะนำไวรัสโควิด-19 มาสู่ครอบครัวคุณ