รวบคาด่าน จับอดีตผู้รับเหมา ขนเฮโรอีน 35 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จากน่าน ไปส่งสุไหงโก-ลก ซ่อนในช่องลับรถยนต์
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
วันที่ 20 ก.พ.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ฝ่ายปกครอง จ.น่าน สนธิกำลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ภาค 5 สำนักงาน ป.ป.ส.4 DEA สหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขยายผลร่วมกันนำไปสู่การจับกุมขบวนการยาเสพติดข้ามชาติ บริเวณจุดตรวจจุดสกัด ด่านควบคุมโรคโควิด-19 บ้านนาหวายใหม่ ม.5 ต.ป่าคาหลวง อ.บ้านหลวง จ.น่าน ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางเฮโรอีน 35 กิโลกรัม
ทั้งนี้ ชุดเฉพาะกิจตรวจยึดจับกุม สืบสวนทราบว่ามีขบวนการค้ายาเสพติดลำเลียงเฮโรอีน จากชายแดนภาคเหนือ ไปยัง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยวางแผนใช้รถยนต์ยี่ห้อ รุ่นและสีเหมือนกัน อำพรางการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่ โดยมีนายสุรเดช กันธะโย อายุ 57 ปี และนายกมล คำพิมาร อายุ 34 ปี ขับรถยนต์ฟอร์ดสีขาว ทะเบียน 3 ฒฆ 5465 กรุงเทพมหานคร
เดินทางมาจาก จ.ปทุมธานี มาจอดไว้ที่บ้านนายธีนพันธ์ คำผาบูรณปัญญา ที่ อ.นาน้อย จ.น่าน ก่อนใช้รถฟอร์ดสีขาวอีกคันทะเบียน 3 ฒฆ 9764 กรุงเทพมหานคร พากันขับขึ้นไปรับยาที่ชายแดน จ.เชียงราย โดยรถยนต์ทั้ง 2 คันดัดแปลงช่องลับบริเวณกระบะไว้สำหรับซุกซ่อนยา
โดยซุกซ่อนยาเสพติดในช่องลับที่สร้างไว้ แล้วเดินทางกลับมาที่ อ.นาน้อย จ.น่าน เพื่อเปลี่ยนถ่ายยาเสพติดไปรถยนต์อีกคัน เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ว่ารถยนต์คันที่มียาเสพติดนั้น ไม่ได้มาจากจังหวัดชายแดนภาคเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งพักยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตามด่านต่างๆ จึงไม่เข้มงวดในการตรวจค้น กระทั่งขับกลับมาถึงด่านตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 บ้านนาหวายใหม่ ม.5 ต.ป่าคาหลวง อ.บ้านหลวง จ.น่าน
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังรอตรวจค้น จนกระทั่งทั้ง 3 คนลงจากรถเพื่อมาลงทะเบียนตรวจคัดกรองโรค จึงขอเข้าตรวจค้น พบของกลางเฮโรอีน ซุกซ่อนไว้ในช่องลับที่ดัดแปลงท้ายกระบะรถยนต์ จำนวน 50 ก้อน น้ำหนักประมาณ 35 กิโลกรัม ราคากว่า 100 ล้านบาท จับกุมดำเนินคดีในข้อหามียาเสพติดประเภท 1 เฮโรอีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เผยว่า ได้ติดตามพฤติกรรมกลุ่มบุคคลดังกล่าวมานานกว่า 1 ปี แต่ไม่สามารถจับกุมได้ เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาตบตาเจ้าหน้าที่ หลบหนีการจับกุมไปได้ จนครั้งนี้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามพฤติกรรม จนสบโอกาสที่ จ.น่าน ยังคงมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ผู้เดินทางเข้า-ออกจะต้องผ่านขั้นตอนคัดกรองโรค ทำให้ผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวต้องลงรถ เจ้าหน้าที่มั่นใจว่ากลุ่มผู้ต้องหาไม่มีอาวุธเพื่อต่อสู้ขัดขืน และไม่สามารถหลบหนีการจับกุมได้