นายกฯกำชับ สธ.กทม. จังหวัดต่างๆ ดูแลใกล้ชิดกรณีเด็กติดเชื้อเพิ่ม! และเชิญชวนผู้สูงอายุฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3 มากขึ้น เหตุตัวเลขบูสเตอร์น้อย ทั้งผู้สูงวัย และเด็ก ย้ำ! วัคซีนมีเพียงพอกระจายทั่วประเทศ พร้อมเปิดมี 4 จังหวัดฉีดเข็มกระตุ้นตามเป้าหมาย แต่ยังมีอีก 10 จังหวัดฉีดน้อย พร้อมขยายสถานการณ์ฉุกเฉินไปถึง 30 ก.ย.เพื่อการควบคุมโรค
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า แผนการให้บริการวัคซีนโควิด 19 เดือน ส.ค. ที่ประชุมเสนอข้อมูลว่าผู้สูงอายุฉีดเข็ม 3 เพียง 47.1% เด็ก 12-17 ปีก็ฉีดเข็มกระตุ้น 20.5% ข่าวตอนนี้ที่นายกฯ ให้ความสำคัญคือการติดเชื้อในโรงเรียน จึงมีการปิดเรียนและสอนออนไลน์ อยากให้ สธ.หรือ กทม.และจังหวัดต่างๆ เข้ามาดูแลใกล้ชิดให้คำแนะนำอย่างถูกต้องจากกรมควบคุมโรคและกรมอนามัย การฉีดวัคซีนสองกลุ่มนี้ต้องเพิ่มขึ้นด้วย
“สาเหตุที่ไม่ฉีดเข็มกระตุ้น มีข้อมูลว่า 34.8% ฉีดพอแล้วไม่อยากฉีดมากกว่านี้ 20.5% บอกว่ารอฉีด 19.2% บอกกลัวอันตราย 16.7% บอกเพิ่งหายจากโควิด 8% อื่นๆ เช่น ตั้งครรภ์ ไม่อยากฉีด ถามว่าจะฉีดไหม บอกจะฉีด 31% หรือ 1 ใน 3 ไม่แน่ใจและไม่อยากฉีดประมาณ 60 กว่า% นายกฯ ก็บอกว่าอยากให้ประชาชนเข้าใจและเปลี่ยนแปลงให้คนมาฉีดมากขึ้น เพื่อรักษาชีวิตประชาชนคนไทยมากที่สุด” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า การจัดสรรวัคซีนนั้น ตอนนี้มี 4 จังหวัดที่ฉีดเข็มกระตุ้นเกิน 60% ตามเป้าหมาย คือ ก่ทม. ภูเก็ต นนทบุรี สมุทรปราการ ส่วนอีก 10 จังหวัดที่ฉีดเข็มกระตุ้นน้อยที่สุด คือ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล บึงกาฬ สกลนคร หนองบัวลำภู แม่ฮ่องสอน นครศรีธรรมราช และพัทลุง เพื่อลดอัตราการสูญเสียให้มากที่สุด ส่วนกลุ่ม 60 ปีฉีดน้อยสุด 10 จังหวัดอยู่ที่ นราธิวาส ปัตตานี บึงกาฬ ยะลา สตูล สกลนคร หนองบัวลำภู แม่อ่องสอน สระแก้ว และหนองคาย
เราจัดหาวัคซีน 169 ล้านโดส ได้รับมอบแล้ว และจะมีการให้กระจายทุกพื้นที่ในไทย ตอนนี้มีความเพียงพอ มีการวิเคราะห์สถานการณ์ 4 เข็มป้องกันติดเชื้อ 76% ป้องกันป่วยหนักใส่ท่อ 96% ใครมีพ่อแม่สูงอายุไม่อยากให้ป่วยหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจเสียชีวิต ไปรับเข็มที่ 4 ให้ได้ หลังฉีดเข็ม 3 แล้ว 4 เดือน ที่ประชุมรับทราบการเปลี่ยนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มาเป็นแอนติบอดี LAAB 2.5 แสนโดส ผ่านที่ประชุม ครม.มาแล้ว ใช้ในภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีประโยชน์ในโรคไตระยะสุดท้าย เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ และรับยากดภูมิคุ้มกันต่างๆ และยังเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยน “ไฟเซอร์” อีก 3.6 ล้านโดส ที่รับมอบไปแล้ว 26.4 ล้านโดส มาเป็นวัคซีนเฉพาะของเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี จำนวน 3 ล้านโดสแทนก็เป็นข่าวดี
” ที่ประชุมให้มีการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ขยายอีก 2 เดือนเป็นคราวที่ 19 ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. – 30 ก.ย. 2565 นายกฯ เน้นย้ำว่าการขยายนี้เพื่อการควบคุมป้องกันโรคและรักษาชีวิตประชาชนเรื่องนี้เท่านั้น เรื่องอื่นไม่ได้เป็นวัตถุประสงค์ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรายืนแนวนี้มาตลอด ไม่มีส่วนที่ต้องการไปจำกัดเสรีภาพแต่อย่างใด” โฆษก ศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สำหรับการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติวันที่ 6 ก.ค. เข้ามาถึง 30,947 คน มากที่สุดคือ มาเลเซีย 5,315 คนตามด้วยอินเดีย 3,077 คน สิงคโปร์ 1,814 คน เวียดนาม 1,667 คน และออสเตรเลีย 1,369 คน สะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. – 6 ก.ค. สะสม 2.2 ล้านคน รายได้ขึ้นมา 1.25 แสนล้านบาท อินเดียมามากที่สุดเกือบ 2.5 แสนคน มาเลเซีย 2.2 แสนคน สิงคโปร์ 1.3 แสนคน อังกฤษเกือบ 1.2 แสนคน และสหรัฐอเมริกา 1.1 แสนคน เป้นความมั่นใจของคนเข้ามาเห็นเราสวมเขาก็สวมด้วย เข้ามาแล้วไม่ติดเชื้อ สุขภาพดีกลับไปหลังเที่ยว จังหวัดที่มาเที่ยวมากสุด คือ กทม. ชลบุรี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี โดยรายได้จากการที่ไทยเที่ยวไทย คือ 3.05 แสนล้านบาท จากต่างชาติได้ส่วนหนึ่ง รวมกันแล้วรายได้ท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ 4.3 แสนล้านบาท ยืนยันว่าพวกเราช่วยกันได้ โครงการต่างๆ ที่ออกมาขอบคุณประชาชนที่ช่วยกัน ส่วนด่านต่างๆ มีการเปิดขึ้นมา 39 จุดผ่านแดน มีคนเข้าออกแล้ว 9.7 แสนราย ทำให้เกิดการใช้จ่าย ขอให้ช่วยกันทำให้เกิดบรรยากาศที่ดี
“นายกฯ ย้ำและขอบคุณที่ยังสวมหน้ากาก แม้ กสทช.บอกว่ามายืนแถลงยังถอดหน้ากากได้ แต่ก้ยังอยากใส่อยู่ เพราะเป้นความคุ้นเคยในการรักษาปกป้องตัวเองและปกป้องสังคมอยากให้เป็นสัญลักษณ์ต่อเนื่องกันไป และฉีดวัคซีน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ข่าวเกี่ยวข้อง :
– ศบค.ขอพื้นที่ 23 จังหวัดช่วยลดตัวเลขติดเชื้อ หลังพบระบาดแบบเวฟเล็กๆ
– เปิดฉากทัศน์โควิด พบติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นสัปดาห์นี้เป็นต้นไป พีคสุด ก.ย. – ย้ำ! สวมแมสก์
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org