ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงคำสั่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เปลี่ยนแปลงคำสั่งที่ 85/2564 เรื่องมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัดที่มอบหมายให้ดูแลพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ให้พรรคพลังประชารัฐนั้น ว่า ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาในฐานะรมช.เกษตรและการทำงานตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค แต่งตั้งมอบหมายให้ทำหน้าที่ใดก็ตามถือว่าได้ลงพื้นที่ทุกจังหวัดและทำพื้นที่มาตลอด การแบ่งงานให้รัฐมนตรีรับผิดชอบในแต่ละจังหวัด ไม่ใช่ประเด็นและไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลจังหวัดไหนก็ไปเกือบทุกจังหวัดอยู่แล้ว ไปเยี่ยมทุกที่ที่ประชาชนเดือดร้อน การแบ่งงานเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรี เมื่อตัดสินใจมอบหมายว่าให้ใครทำแล้ว หน้าที่ของรัฐมนตรีคือต้องทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ตนยังไม่ได้คุยกับทางพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็คุยกันอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าการมอบหมายให้ไปดูภาคใต้ ถูกมองว่าไปตีหัวเมืองพรรคร่วมรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ใช่ การไปดูภาคใต้ไม่ใช่เป็นตีหัวเมืองใครอย่างที่เข้าใจ
“ตอนอายุ 11 ขวบ ผมเคยเรียนอยู่นราธิวาส และมีบ้านที่ อ.ตากใบ เพราะฉะนั้นจะเหนือจะใต้ ผมทำงานได้หมด ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว
เมื่อถามว่าเรื่องนี้อาจทำให้มีปัญหากับพรรคปชป. ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คิดมากกันเอง อย่าไปคิดมาก เพราะเราทำงาน เป้าหมายสูงสุดคือประชาชนเป็นที่ตั้งไม่มีเรื่องอื่น เมื่อถามย้ำว่าจะกลายเป็นความขัดแย้งภายในพรรครัฐบาลหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเป็นส.ส.พรรคพปชร. แต่มีพรรคพวกเยอะ ดังนั้นทุกพรรคเราเป็นเพื่อนกัน เป็นพวกกัน มีอะไรก็หันหน้าพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคปชป.แสดงความเห็นในลักษณะยังไม่ค่อยพอใจ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะเป็นความเห็นส่วนตัวของนายจุรินทร์
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายกฯ ระบุในครม. เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมาว่ามีคนนินทา ร.อ.ธรรมนัส กล่าวพร้อมกับหัวเราะว่า เรื่องนี้ไม่ทราบและตนก็ไม่ค่อยอยู่ในครม.เพราะส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้ลาออกเพราะบริหารจัดการแก้โควิด-19 ล้มเหลวรวมถึงไม่แก้รัฐธรรมนูญตามที่สัญญา ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องโควิด-19 เวลานี้ถ้าพูดภาษาทหารก็เป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 เป็นการต่อสู้กับมนุษย์ที่เป็นสิ่งที่ชีวิตกับสิ่งที่มองไม่เห็นและกระทบมนุษย์ทั่วโลก และคนไทยต้องช่วยกันเพื่อแก้ปัญหาให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤต ทุกฝ่ายต้องร่วมกัน ทั้งรัฐและเอกชนเดินหน้าไปด้วยกัน คนไทยเรารักกันเมื่อมีวิกฤตต้องช่วยกัน อย่าเอาการเมืองมาเล่นมากเกินไป ข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านก็เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน ส่วนการแก้ปัญหารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาที่ต้องขับเคลื่อน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลอาจใช้สถานการณ์โควิดตีตัวออกห่างจากพรรคพปชร.และนายกฯ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต่างก็คิดว่าเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เวลานี้ประชาชนเดือดร้อนไม่ควรมาคุยเรื่องการเมือง แต่ให้ช่วยเหลือประชาชนเพราะคำตอบสุดท้ายประชาชนก็จะดูและพิจารณาว่าพรรคร่วมพรรคใดที่ประชาชนจะไว้วางใจและคิดว่าการออกมาแสดงความคิดเห็นใด ประชาชนเขามองอยู่
เมื่อถามว่าในวันที่ 5 พฤษภาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีเคยต้องคำพิพากษาติดคุกในต่างประเทศ จากคดียาเสพติดเมื่อปี 2536-40 กังวลหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่กังวล เราทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายและเป็นอยู่ทุกวันให้ดีที่สุด.