เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม
MGR Online – “ดีเอสไอ” ชี้แจงกรณีร่วมตำรวจเข้าตรวจค้น สถานที่พำนักกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย ตามคำร้องขอ หลังมีรถเข้า-ออกผิดปกติ ส่วนทรัพย์สินของกลางเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
วันนี้ (28 ธ.ค.) ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่าเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.65 ได้มีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการ สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (191) นำหมายค้นของศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นบ้านเช่าสำหรับเป็นที่พักส่วนตัวของกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย และครอบครัว บริเวณถนนนราธิวาส ราชนครินทร์ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร โดยมีการตรวจค้นและยึดทรัพย์สิน จำนวน 12 รายการ มูลค่าทรัพย์สินกว่า 2.5 ล้านบาท นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดี ต่อมาปรากฏข่าวว่าทรัพย์สินที่ตรวจค้นได้มีมากกว่าตามที่ปรากฎในการตรวจยึด นั้น
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเบื้องต้น พบว่า รองกงสุลใหญ่ปฏิบัติราชการแทนกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย ได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 9 ธ.ค.65 ถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยเหลือและตรวจสอบ กรณี สถานกงสุลพบว่ากงสุลใหญ่ฯ ได้มีการเช่าบ้านพักส่วนตัวนอกพื้นที่ของที่ทำการกงสุล และมีการดำเนินการผิดกฎหลายประการ โดยมีการให้คนเอเชีย น่าเชื่อว่าเป็นคนสัญชาติจีน เข้ามาใช้สถานที่ดังกล่าว นอกเหนือ จากการเป็นที่พักอาศัยของกงสุลใหญ่ และ มีการเข้าออกที่พักตลอดทั้งวันจนผิดสังเกตและเป็นการรบกวนเพื่อนบ้าน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่สถานทูตของประเทศอื่นๆ ที่พักอาศัยใกล้เคียงกัน และอาจเป็นเรื่องกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและ ความมั่นคงระหว่างประเทศนาอูรูและประเทศไทย
ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีข้อสั่งการ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.65 มอบหมายกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค รับผิดชอบดำเนินการ และต่อมาได้มีหนังสือ ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 21 ธ.ค.65 จากสถานกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลและพฤติการณ์เพิ่มเติม โดยมีการแนบภาพถ่ายของรถต้องสงสัยที่เข้าออก รวมทั้งมีรถที่ใช้ป้ายทะเบียน พื้นสีฟ้าตัวอักษรสีขาว ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนรถสำหรับเจ้าหน้าที่สถานทูต เข้าออกบ้านกงสุลใหญ่ดังกล่าว แต่ไม่ใช่ รถของสถานกงสุลใหญ่แต่อย่างใด รวมทั้งข้อมูลสำคัญอื่นๆ เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
จึงขอความร่วมมือกรมสอบสวนคดีพิเศษมาอีกครั้ง จนปรากฏข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.65 เจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งได้สั่งการให้กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาครายงานข้อเท็จจริงในการร่วมปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมาให้ทราบโดยด่วน เพื่อประกอบการพิจารณาสั่งการตามกฎหมาย
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอเรียนว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามคำร้องขอ ของสถานกงสุลใหญ่นาอูรู ประจำประเทศไทย ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เป็นประการใด จะแจ้งให้สาธารณชนทราบต่อไป