โรดแมปเปิดประเทศ ! “ประยุทธ์-ศบค. ชุดใหญ่” ไฟเขียว ปรับโซนสีกรุงเทพ-สมุทรสาคร เหลือแค่สีส้ม ลดวันกักตัวจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน ผ่อนคลายการกักตัว-ทำกิจกรรมในโรงแรม-กีฬา-ออกกำลัง “สงกรานต์” เดินทางข้ามจังหวัดได้ แต่งดกิจกรรม สาดน้ำ ประแป้ง ห้ามจัดคอนเสิร์ต ปาร์ตี้โฟม สธ.กางแผนกระจาย-ฉีดวัคซีนยาวเดือนธันวาคม
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค.แถลงผลการประชุมศบค.ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศบค.เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมศบค.มีมติขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ครั้งที่ 11 ระยะเวลา 2 เดือน หรือขยายเวลาออกไปอีก 2 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2564
งดประแป้ง-สาดน้ำ สงกรานต์
สำหรับแนวทางการจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ กิจกรรมที่สามารถจัดได้
1.การจัดพิธีสรงน้ำพระ รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ ทางศาสนา
2.การจัดพิธีรดน้ำดำหัว ตามประเพณีนิยมหรือตามรูปแบบที่ กระทรวงวัฒน(วธ.)กำหนด
3.การเดินทางข้ามจังหวัด เพื่อไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด สามารถดำเนินการได้ทุกพื้นที่
ข้อห่วงใย
-ขอให้ยึดถือมาตรการ D-M-H-T-T และหลีกเลี่ยงการสัมผัส
-ควรจัดในพื้นที่โล่งแจ้ง และมีอากาศระบายได้ดี
-หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมในพื้นที่คับแคบ หรือในพื้นที่ห้องปรับอากาศ
งดการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ได้แก่ งดการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มสาดน้ำ งดการจัดคอนเสิร์ต และงดการจัดกิจกรรมที่มีการสัมผัสใกล้ชิด ได้แก่ งดประแป้ง งดการเล่นปาร์ตี้โฟม
“ภาพการสาดน้ำจะไม่เกิดขึ้นในเทศกาลสงกรานต์นี้ แต่เป็นการย้อนกลับไปจัดงานแบบวิถีไทยดั้งเดิม ซึ่งไม่ได้มีการพูดเรื่องกฎหมาย หรือว่าจะไปบังคับ แต่เป็นการขอความร่วมมือประชาชน” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว และว่า
ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ นอกจากนี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร
-
มติ ศบค. ห้ามสาดน้ำสงกรานต์ ต่ออายุ พรก.ฉุกเฉิน ลดวันกักตัวจาก 14 วัน
ปรับโซนสี-สมุทรสาคร สีส้ม
นอกจากนี้ยังเห็นชอบแผนการผ่อนคลายการป้องกันโรคโควิด-19 ดังนี้ 1.ระดับพื้นที่สถานการณ์ของจังหวัดต่าง ๆ ระยะที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 – 30 มิถุนายน 2564
พื้นที่สีส้ม 9 จังหวัด ได้แก่ 1.สมุทรสาคร 2.กรุงเทพฯ 3.สมุทรปราการ 4.สมุทรสงคราม 5.นนทบุรี 6.นครปฐม 7.ปทุมธานี 8.ตาก และ 9.ราชบุรี
พื้นที่สีเหลือง 14 จังหวัด ได้แก่ 1.กาญจนบุรี 2.สุพรรณบุรี 3.พระนครศรีอยุธยา 4.สระบุรี 5.นครนายก 6.ฉะเชิงเทรา 7.เพชรบุรี 8.ระนอง 9.ชลบุรี 10.ระยอง 11.ชุมพร 12.สงขลา 13.ยะลา และ 14.นราธิวาส
พื้นที่สีเขียว 54 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดที่เหลือ (ตามกราฟิก)
สำหรับการผ่อนคลายมาตรการพื้นที่ไหนทำอะไรได้บ้าง ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป
พื้นที่ควบคุม 9 จังหวัด (สีส้ม) ร้านอาหาร เปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. (ทานอาหารและดื่มสุราในร้านได้) สถานบันเทิง ผับ บาร์ เปิดไม่เกิน 23.00 น. (ดื่มสุราและแสดงดนตรีสดในร้านได้ งดเต้นรำ) ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เปิดบริการตามปกติ (จำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย) สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา เรียนแบบปกติ/ผสมผสาน สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ยิม ฟิตเนส เปิดบริการปกติ แข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
พื้นที่เฝ้าระวังสูง 14 จังหวัด (สีเหลือง) ร้านอาหาร เปิดได้ไม่เกิน 24.00 น. (ทานอาหารและดื่มสุราในร้านได้) สถานบันเทิง ผับ บาร์ เปิดไม่เกิน 24.00 น. (ดื่มสุราและแสดงดนตรีสดในร้านได้ งดเต้นรำ) ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เปิดบริการตามปกติ (จำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย) สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา เรียนแบบปกติ/ผสมผสาน สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ยิม ฟิตเนส เปิดบริการปกติ แข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
พื้นที่เฝ้าระวัง 54 จังหวัด (สีเขียว) ร้านอาหาร เปิดบริการได้ตามปกติ สถานบันเทิง ผับ บาร์ เปิดบริหารได้ตามปกติ ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เปิดบริการตามปกติ (จำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย) สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา เรียนแบบปกติ/ผสมผสาน สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ยิม ฟิตเนส เปิดบริการปกติ แข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
ระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 – 30 กันยายน 2564 ทุกจังหวัดของประเทศไทยอยู่ในระดับสถานการณ์ปกติแบบ New Normal
กางแผนกระจาย-ฉีดวัคซีนโควิด
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมศบค.วันนี้ได้รับทราบการรายงาน ของผอ.ศปก.สธ. คือท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มารายงานแผนเรื่องการกระจายวัคซีนให้กับศบค.ได้รับทราบว่า ระยะที่ 1 คือ วันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน จะมีวัคซีนซิโนแวค(Sinovac)มา 2 ล้านโดส และช่วงระยะที่ 2 วันที่ 1 กรกฎาคม 64-30 กันยายน จะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า(Astrazeneca) มาอีก 26 ล้านโดส และ 1ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป อีก 35 ล้านโดส
ระยะที่ 3 ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป ทุกจังหวัดของประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับสถานการณ์ปกติแบบ New Normal ในระดับที่ผ่อนคลายมากขึ้น
สำหรับใน 2 ระยะ แบ่งเป็น ระยะที่ 1 เมื่อวัคซีนมีปริมาณจำกัด มี 4 กลุ่มเป้าหมาย คือ 1. กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 2. บุคคลมีโรคประจำตัว 3 ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 4.เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย
ระยะที่ 2 เมื่อมีวัคซีนมากขึ้น และเพียงพอ แบ่งเป็น 1.กลุ่มเป้าหมายระยะที่ 1 2.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นๆที่นอกเหนือจากด่านหน้า 3. ผู้ประกอบอาชีพภาคการท่องเที่ยว เช่น พนักงานโรงแรม สถานบันเทิง มัคคุเทศก์ นักกีฬา
4.ผู้เดินทางระหว่างประเทศ เช่น นักบิน/ลูกเรือ นักธุรกิจระหว่างประเทศ 5.ประชาชนทั่วไป 6.นักการทูต เจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ นักธุรกิจต่างชาติ คนต่างชาติพำนักระยะยาว 7.แรงงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการและกลุ่มอื่นๆที่มีความจำเป็น(ตามตาราง)
“ข้อ 5 สำหรับประชาชนทั่วไป ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้ที่ประชุมได้พูดคุยกัน เพราะบางทีก็เข้าใจหรือตีความแตกต่างกันไป แต่ท่านก็ให้แนวคิดคิดมา บางทีก็เป็นแรงงาน การไปใช้แรงงานในต่างประเทศได้ไหม ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ นักธุรกิจ นักการทูต อยู่ในนี้ด้วยไหม
และที่สำคัญภาคของประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อย เขาหาเช้ากินค่ำ ต้องคิดถึงเขาด้วย รวมถึงภาคราชการ ผู้บริหารที่ต้องเดินทางไปตรวจราชการ พบปะประชาชน หรือภาคเศรษฐกิจ รวมถึงกลุ่มของพระ ผู้นำศาสนา ซึ่งได้ให้แนวคิดไปกำหนดขึ้นมาเป็นกลุ่มย่อยๆด้วย” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว
สำหรับสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานไปว่า ล่าสุดจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนสะสม(28 กุภาพันธ์-18มีนาคม) รวม 62,941 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 3 หมื่นกว่าราย และประชาชนทั่วไปในพื้นที่เสี่ยงจำนวน 2 หมื่นกว่าราย
ทั้งนี้ หลายจังหวัดได้รับการฉีดไปกว่า90-100% เรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของกรุงเทพมหานครพบว่าจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนยังค่อนข้างต่ำ ซึ่งฉีดไปแค่ 19% เท่านั้น ซึ่งกทม.จะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เดิมใช้หลักการของกลุ่มเสี่ยง ปรากฎว่าส่งไป 100 คน ได้มาสัก10คนเท่านั้นที่สมัครใจฉีด ซึ่งตอนนี้กำลังมีการปรับเปลี่ยนวิธีการอยู่
อย่างไรก็ตามความกังวลในเรื่องของการฉีดวัคซีนก็ลดน้อยลง หลังจากที่มีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งในภาพรวมของโลกและในประเทศไทยที่ผู้นำของเราก็ได้ฉีดวัคซีนให้เห็น และท่านนายกฯก็ไม่มีอาการข้างเคียงอะไรเลย แต่บางคนก็อาจจะมีบ้างนิดหน่อย
ลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน
2.การลดระยะเวลากักกันบุคคลผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วและผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน (ลดระยะเวลากักกันผู้เดินทางโดยทั่วไปจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน)
ระยะที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 – 30 มิถุนายน 2564
-คนไทยที่ไม่มี Vaccine Certificate (VC) และ Covid – 19 Free Certificate (CFC) ภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง ต้องรับการกักกัน 10 วัน และตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง (D 3-5 และ D 9-10)
-คนต่างชาติ ที่ไม่มี VC แต่มี CFC ต้องรับการกักกัน 10 วัน และตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง (D 3-5 , D 9-10)
-เมื่อมีความพร้อม คนไทยและคนต่างชาติ ที่มี VC ที่ฉีดครบถ้วน มากกว่า 14 วัน และ น้อยกว่า 3 เดือน ก่อนเดินทาง และมี CFC ลดวันกักกันเหลือ 7 วัน และตรวจ RT-PCR 1 ครั้ง (D 5-6)
-เมื่อมีความพร้อม คนไทยและคนต่างชาติ ที่มี VC ที่ฉีกครบถ้วนมากกว่า 14 วัน และ น้อยกว่า 3 เดือน ก่อนเดินทาง และไม่มี CFC ลดวันกักกันเหลือ 7 วัน แต่ต้องตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง (D 0-1 และ D 5-6)
ระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป ไม่ต้องกักกันในบางพื้นที่ โดยมีเงื่อนไขพื้นที่/การดำเนินการ ดังนี้
-บุคลากรทางการแพทย์ได้รับการฉีกวัคซีนแล้ว มากกว่า 70 %
-ประชาชนที่มีโอกาสสัมผัสกับบุคคลเสี่ยงได้รับการฉีดวัคซีนตามเป้าหมายที่กำหนด
-สามารถเปิดรับบุคคลที่เดินทางจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำได้ในระยะเริ่มต้น
ทั้งนี้ กรณีผู้เดินทางจากประเทศที่มีเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดยังคงต้องรับการกักกัน 14 วัน ส่วนระเบียบปฏิบัติสำหรับการผ่อนคลายลดระยะเวลากักกันกระทรวงสาธารณสุขจะกำหนดรายละเอียดต่อไป
ผ่อนคลายกิจกรรมกักตัวในโรงแรม
3.มาตรการผ่อนคลายสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและเข้ารับการกักกัน (Quarantine)
ระยะที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 – 30 มิถุนายน 2564 มีการผ่อนคลายให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยสามารถออกนอกห้องพักได้ตามเวลาและเงื่อนไขที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ได้แก่
-สามารถใช้ห้องฟิตเนสได้
-สามารถออกกำลังกายกลางแจ้งได้
-สามารถใช้สระว่ายน้ำได้
-สามารถปั่นจักรยานในพื้นที่ปิดและมีการควบคุมได้
-สามารถซื้อสินค้าและอาหารจากภายนอกได้
ระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 – 30 กันยายน 2564 มีการเพิ่มการผ่อนคลายให้ทำกิจกรรมเพิ่มเติมจากระยะที่ 1 ที่ได้รับอนุญาตให้ทำได้แล้ว ดังนี้
-สามารถรับประทานอาหารในห้องอาหารของโรงแรมได้
-สามารถใช้บริการนวดเพื่อสุขภาพได้
ระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป กำหนดให้มีการกักกันเฉพาะบุคคลผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติกำหนด
-มีการปรับกิจกรรมในรูปแบบการกักกัน (Quarantine) เป็นรูปแบบคุมไว้สังเกต (Close Observation) โดยใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการ
ทั้งนี้ สำหรับนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาระยะสั้น มีมาตรการผ่อนคลายให้สามารถใช้ห้องประชุมได้ ตามเงื่อนไขตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
-
ศบค. พบติดโควิดวันนี้ (19 มี.ค.) เพิ่มขึ้น 100 ราย เสียชีวิตสะสม 90 ราย