เขียนวันที่
วันพฤหัสบดี ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 20:21 น.
ดาโต๊ะ สรี อิสมาอิล ซับรี ยาคบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 24-26 ก.พ.65 ตามคำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ถือเป็นเยือนไทยครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งผู้นำมาเลเซีย เมื่อ 21 ส.ค.64 ที่ผ่านมา โดยนายกฯมาเลเซียมีกำหนดหารือข้อราชการแบบเต็มคณะกับนายกฯไทย ในวันศุกร์ที่ 25 ก.พ.65
วาระการหารือ และภารกิจระหว่างการเยือนไทย จะมีทั้งการเปิดพรมแดน, ความร่วมมือทวิภาคี ตลอดจนการสำรวจโอกาสทางการค้าและการลงทุนหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการรับรู้ใบรับรองการฉีดวัคซีนจากทั้ง 2 ประเทศ
มีการคาดหมายกันว่า การเดินเยือนทางไทยของผู้นำมาเลย์ จะนำมาซึ่งข่าวดีเกี่ยวกับการเปิดพรมแดนทางบก ไทย-มาเลเซียอีกครั้ง หลังจากปิดมานานข้ามปีตั้งแต่มีวิกฤติโรคระบาด
หลายประเด็นมีความเกี่ยวข้องกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ศอ.บต. และ กอ.รมน. เร่งหารือและจัดทำรายงานเพื่อเสนอแผนการดำเนินการโครงการต่างๆ ไปยังรัฐบาล
@@ ชงจับคู่เมืองท่องเที่ยว “เบตง-ปีนัง”
นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ศอ.บต.มีข้อเสนอต่อการประชุมหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทย กับผู้นำมาเลเซีย และได้เตรียมแผนการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในเรื่องของการเร่งรัดดำเนินโครงการตามกรอบแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย–มาเลเซีย–ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle) หรือ IMT – GT โดยเฉพาะแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงชายแดนประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย
อาทิ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลก (แห่งที่ 2) อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส, โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลก อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งมีความร่วมมือมากว่า 20 ปี และโครงการเชื่อมโยงระบบการขนส่งทางราง ณ พื้นที่ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส กับรัฐกลันตันของมาเลเซีย เพื่อเป็นการสร้างเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ
และข้อเสนอการริเริ่มนำร่องเมืองคู่การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวสร้างสรรค์ ฝ่ายประเทศไทยเห็นควรเสนอเมืองท่องเที่ยว อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งมีอัตลักษณ์ความเป็นพหุสังคมความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ประเพณี วัฒนธรรมและอาหารเฉพาะถิ่นที่มีความงดงามเป็นการเฉพาะ
ในขณะที่ประเทศมาเลเซีย เห็นควรเสนอรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นเมืองคู่พัฒนาด้านการท่องเที่ยวสร้างสรรค์ จากพื้นฐานอัตลักษณ์เฉพาะเมืองที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน อันจะสร้างความเป็นเมืองคู่ฐานและยกระดับการพัฒนาในมิติการท่องเที่ยวและการพัฒนาอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ยกตัวอย่างประเทศไทยมีโครงการวิ่งตามภูมิศาสตร์ ในขณะที่ประเทศมาเลเซียมีการแข่งขันวิ่งมาราธอน เป็นต้น
@@ ปักหมุดพัฒนาการค้า 5 จังหวัดใต้ กับ 5 รัฐตอนเหนือ
มีการส่งเสริมให้นักธุรกิจรุ่นใหม่และองค์กรภาคธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศ มีความร่วมมือด้านการพัฒนาเศรษฐกิจสมัยใหม่ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมทั้งในระดับอุตสาหกรรมองค์กรและระดับประชาชนทั่วไป มีการแลกเลี่ยนความร่วมมือ ความรู้ด้านเทคนิคทางการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับการนำวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการและดำเนินการด้านเกษตรกรรม การค้า การลงทุน อุตสาหกรรม แรงงาน และพาณิชย์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนและธุรกิจเอกชนเพื่อสร้างความเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรในการดำเนินงานทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติ อันจะนำไปสู่การสร้างให้เกิด “ระบบนวัตกรรมระหว่างประเทศ” ขึ้นโดยเร็ว ทั้งนี้อาจมีการลงนามความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการพัฒนาในระยะต่อไป
นอกจากนั้น ยังมีการจัดทำรายงานการศึกษาการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจที่ 6 (Economic Corridor 6) ตามที่มีการเสนอพัฒนาเขตเศรษฐกิจและการค้าใหม่ ภายใต้กรอบ IMT – GT และดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจและการค้าของทั้ง 3 ประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนา
รวมทั้งเชื่อมโยงพื้นที่ชายแดนให้เป็นหมุดหมายของการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยวของประเทศไทยและประเทศมาเลเซียในเชิงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์การพัฒนา ผ่านการจัดตั้งระเบียงเศรษฐกิจลิมอดาซา (Limor Dasar Version 5-5-5) บนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนของ 5 จังหวัดใต้สุดของไทย ประกอบด้วย ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สตูล และสงขลา ร่วมกับ 5 รัฐทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย ประกอบด้วยรัฐกลันตัน รัฐเคดะห์ รัฐเปรัค รัฐเปอร์ลิส และรัฐปีนัง ในความร่วมมือ 5 สาขาสำคัญเพื่อพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจร่วมกัน ประกอบด้วย สาขาการค้า สาขาการลงทุน สาขาการท่องเที่ยว สาขาโลจิสติกส์แ ละสาขาอุตสาหกรรมเกษตรอาหารฮาลาล
@@ บูรณาการป้องกันชายแดน
ด้าน พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า หน่วยความมั่นคงในพื้นที่ได้เตรียมพร้อมมาตรการเฝ้าระวัง และป้องกันและดูแลตามตะเข็บชายแดน รวมทั้งบูรณาการตามแผนขับเคลื่อนแผนบริหารจัดการชายแดนด้านความมั่นคง โดยมุ่งให้เกิดการบูรณาการ เพื่อการดำเนินงานของหน่วยงานความมั่นคงอย่างมีเอกภาพและประสิทธิภาพ มีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนในลักษณะประชารัฐ และส่งเสริมกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศในทุกระดับ