เสือตัวที่ 6
ในขณะที่จังหวัดชายแดนใต้ยังคงรุนแรง มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นวันละหลายร้อยคน ทำให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำด่าน เพิ่มความเข้มตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดชายแดนใต้ (สงขลา ปัตตานี นราธิวาส) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคCOVID -19 นั้น กลับมีกระแสข่าวที่เป็นเชิงลบและหมิ่นเหม่ในการถูกนำไปเป็นเงื่อนไขสร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้นกับคนในพื้นที่ที่มีต่อรัฐ จึงทำให้นักวิชาการท่านหนึ่งซึ่งคว่ำหวอดอยู่กับคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย มีความกังวลกับมาตรการการควบคุมโรคระบาดจากไวรัส COVID-19 หนล่าสุด โดยมีกระแสข่าวว่าหน่วยงานรัฐ ได้ออกข้อกำหนดที่หมิ่นเหม่ ล่อแหลมต่อการถูกนำไปสร้างเงื่อนไขจากขบวนการแบ่งแยกผู้คนในพื้นที่ ให้พี่น้องประชาชนแดนใต้เกิดความขัดแย้งกับรัฐและพี่น้องคนไทยโดยทั่วไปมากขึ้นไปอีก แม้ว่าจะเป็นเจตนาที่ดีในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายนี้ ที่กำลังไล่ล่าพี่น้องประชาชนในพื้นที่ปลายด้ามขวานอย่างบ้าคลั่งอยู่ในขณะนี้
หากแต่ว่าข้อกำหนดและมาตรการทั้งหลายที่กำหนดขึ้นนั้น หน่วยงานรัฐ น่าจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกมิติ ก่อนที่จะถูกนำมาใช้ในพื้นที่พิเศษอย่างพื้นที่ปลายด้ามขวานที่ยังคงมีขบวนการแบ่งแยกดินแดนคอยแสวงหาเงื่อนไขในการยุยงปลุกปั่นผู้คนในพื้นที่ให้มีจิตใจออกห่างจากรัฐ และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความพยายามที่จะสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหัวใจพี่น้องในท้องถิ่นต่อรัฐและคนไทยโดยทั่วไปอีกด้วย ซึ่งความพยายามในการขับเคลื่อนการต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ ย่อมหนีไม่พ้นการแย่งชิงมวลชนในพื้นที่อันจะเป็นเป้าหมายสำคัญในการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ในที่สุด และการออกแบบใดๆ ของรัฐ ย่อมต้องศึกษา พิจารณาให้รอบคอบในทุกมิติ ทั้งมิติด้านสาธารณสุข และมิติด้านสังคมวัฒนธรรม รวมทั้งมิติด้านวิถีชีวิตที่ผู้คนแห่งนี้ปฏิบัติเป็นเนื้อเดียวกับวิถีทางศาสนาของท้องถิ่นอย่างแนบแน่น
นักวิชาการท่านนี้ จึงให้ข้อคิดต่อรัฐที่ควรพิจารณาอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้กลุ่มแกนนำ นักคิด นักสร้างมวลชนของขบวนการร้ายแห่งนี้ หยิบยกไปเป็นประเด็นอ่อนไหวเหล่านี้ สร้างเงื่อนไขในการต่อต้านรัฐมากขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ ด้วยข้อกำหนดตามมาตรการการควบคุมโรคที่ต้องไม่ขัดแย้งเป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตตามหลักศาสนกิจและความเชื่อของผู้คนแห่งนี้ที่มีต่อความเชื่อทางศาสนาที่เข้มข้น นักวิชาการท่านนี้ ยังเสนอความคิดเห็นอันน่ารับฟังต่อไปว่า “การทำงานกับพี่น้อง 3 จชต.นั้น ต้องให้ภาคประชาสังคม ภาคอาสาสมัคร เป็นหัวหอก จะสร้างความไว้วางใจได้มากกว่า ปฏิบัติการภาครัฐเป็นหน่วยนำ
รวมทั้งยังเสนอทางออกต่อเรื่องนี้ที่กำลังเป็นเงื่อนไขให้แกนนำขบวนการร้ายแห่งนี้ นำไปเป็นประเด็นสร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้นในมวลชนต่อรัฐ ว่า “การเข้าตรวจเชิงรุกในชุมชน รักษาดูแลผู้ติดเชื้อทำความเข้าใจ และ นำเสนอข้อมูล ผลดีการฉีดวัคซีน อย่างเข้าถึง ด้วยภาคประชาสังคม ภาคอาสาสมัครเป็นตัวนำ และมีหน่วยงานภาครัฐเป็นเพียงผู้สนับหนุนอยู่ห่างๆ ย่อมได้ผลที่ดีกว่าทั้งการควบคุมโรคร้ายนี้ และการชนะใจพี่น้องมวลชนในพื้นที่ ปิดโอกาสการสร้างเงื่อนไขในการปบลุกระดมมวลชนของแกนนำขบวนการร้ายแห่งนี้ ที่จับจ้องทุกโอกาสที่เป็นไปได้ในการสร้างความเกลียดชังให้เกิดในหัวใจประชาชนในพื้นที่ให้มีต่อรัฐอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งแม้การดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวข้างต้น อาจต้องใช้เวลาบ้าง หากแต่ในท้ายที่สุดแล้ว จะได้ผลดีกว่าอย่างแน่นอน”
ที่สำคัญคือมาตรการการควบคุมโรค COVID-19 ของรัฐในพื้นที่นี้ ต้องระมัดระวังความล่อแหลม หมิ่นเหม่ต่อการสร้างเงื่อนไขให้ถูกนำไปขยายผลได้ว่า คนในพื้นที่กำลังถูกจับเป็นตัวประกัน และอาจถูกกล่าวหาได้ว่า เป็นการชี้ชัดให้เห็นว่า รัฐกำลังละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์ ละเมิดวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น อันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นอย่างยิ่ง ซึ่งในท้ายที่สุด สิ่งเหล่านี้จะเป็นเงื่อนไขเชิงประจักษ์ให้คนในพื้นที่เกลียดชัง เห็นต่างจากรัฐมากขึ้นๆ จนทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีก และไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้คนที่หลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อในการปลุกปั่นของแกนนำขบวนการร้ายครั้งนี้ อีกทั้งจะเกิดการต่อต้านจากคนในพื้นที่อย่างกว้างขวาง จนอาจนำให้ไม่ได้ผลบรรลุเป้าหมายการควบคุมโรคตามที่ภาครัฐต้องการ
และต่อมาล่าสุด ได้รับการยืนยันจากนายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ว่ามาตรการการควบคุมโรคระบาดจาก ไวรัส COVID-19 ดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นข่าวปลอม ที่มีการบิดเบือน โดยเป็นความพยายามของฝ่ายแกนนำขบวนการร้ายที่พยายามยุแหย่ สร้างความแตกแยก เกลียดชังให้เกิดขึ้นกับประชานชนที่มีต่อรัฐ ปล่อยข่าวที่ไม่เป็นความจริงหวัดยะลาขอความร่วมมือประชาชนนับตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.นี้ อาทิ หากใครไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้งดเข้าไปประกอบพิธีทางศาสนาภายในวัด มัสยิด และโบสถ์ ทุกแห่ง รวมถึงงดติดต่อทำธุรกรรมทุกประเภทกับทุกภาคส่วนราชการ ห้ามทำธุรกรรมทางการเงินกับทุกธนาคาร ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถติดต่อขอรับการฉีดวัคซีนได้ทันทีที่ว่าการอำเภอนั้น
หากแต่แท้ที่จริงแล้ว คำสั่ง ศบค.ยะลา ที่ 295/2564 นั้น มีประเด็นสำคัญเพียงเน้นย้ำด่านตรวจ จุดสกัด รอยต่อ พื้นที่ จ.ยะลา ทุก 11 ด่านตรวจ ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างเข้มงวด ตามมาตรการที่ทางราชการกำหนดปฏิบัติงานด้วยความถูกต้อง โปร่งใสและจริงจัง โดยไม่มีสาระสำคัญในการห้าม หรืองดเข้าไปประกอบพิธีทางศาสนาภายในวัด มัสยิด และโบสถ์ ทุกแห่ง รวมถึงงดติดต่อทำธุรกรรมทุกประเภทกับทุกภาคส่วนราชการ ห้ามทำธุรกรรมทางการเงินกับทุกธนาคารแต่ประการใด
ในกรณีดังกล่าวข้างต้นล่าสุดนี้ จึงเป็นอีกกรณีหนึ่งในหลายๆ กรณีที่ฝ่ายขบวนการ โดยบรรดาแกนนำ นักคิด นักปลุกระดม นักสร้างมวลชน มีความพยายามในการปลุกปั่นสร้างกระแสความเห็นต่าง จนถึงขั้นเกลียดชังต่อหน่วยงานภาครัฐและประชาชนโดยทั่วไปที่มีวิถีอันหลากหลายในรูปแบบพหุวัฒนธรรมระหว่างคนในพื้นที่กับคนนอกพื้นที่ให้ถอยห่างออกจากกันมากขึ้น ดังนั้น การดำเนินการใดๆ ของรัฐจะต้องตระหนักรู้ เท่าทันความคิดและความพยายามของแกนนำขบวนการร้ายเหล่านี้ เพื่อระงับยับยั้งการถูกฉกฉวยเรื่องดีๆ ของรัฐ ไปปลุกปั่น สร้างกระแสให้เป็นผลร้ายต่อการเป็นปึกแผ่นของคนในชาติ