วันพุธ ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2564, 20.27 น.
เข้าสู่วันที่ 9 เจ้าหน้าที่ยังคงปิดล้อมบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่บ้านฮูแตย่อบอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส หลังยังคงพบความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่บ้านฮูแตยือลอ วอนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลือ ข่าวลวง สร้างความสับสน พร้อมแจงข้อมูลตลอดเวลา
จากกรณีเจ้าหน้าที่สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่บ้านฮูแตยือลอ ตำบลบาเระใต้ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส โดยได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 9 วันแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (6 ตุลาคม 2564) พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เปิดเผยความคืบหน้าว่า หลังปิดล้อมพื้นที่ปฏิบัติการมากว่า 9 วัน ที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ป่าเสม็ด บริเวณ หมู่ที่ 6 บ้านฮูแตยือลอ ตำบลบาเระใต้ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส มาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2564 จนถึง ณ ขณะนี้ วันที่ 6 ตุลาคม 2564 รวมเวลากว่า 9 วัน ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ยิงต่อสู้เป็นเหตุให้ เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย คือ อาสาสมัครทหารพราน วัฎจักร พรหมนุ้ย รอง ผบ.ชป.ร้อย ทพ. 4603 และ ร้อยโท กฤษณะ เพ็ชรจำรัส สังกัด ร.151 พัน.1 ช่วยราชการ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 มีผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 4 ราย ประกอบด้วย 1 .นายบารูวัน กือจิ 2. นายอัสซัน สามะ 3. นายอับดุลเลาะ อูแล และ 4. นายอัฏฮา ยูกะ โดย ผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ญาติได้นำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ ในสื่อสังคมออนไลน์ ได้มีความพยายามบิดเบือนเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ ผู้เสียชีวิตว่า ยังคงมีผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิตอีก 2 ราย โดยเจ้าหน้าที่บ่ายเบี่ยงไม่ให้ญาติเข้าไปพื้นที่เพื่อนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกันว่า ผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เสียชีวิตจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2564 จนถึงตอนนี้ ยืนยันพบศพมีเพียง 4 ราย เท่านั้น และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการโดยยึดมั่นหลักการของศาสนาเป็นสำคัญ ไม่มีการอำพรางศพตามที่มีการบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิด แต่ด้วยสภาพพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นป่าพรุเสม็ดสลับกับคูน้ำ ทำให้การปฏิบัติเป็นไปด้วยความยากลำบาก
อีกทั้งยังคงเป็นพื้นที่อันตรายเนื่องจากยังคงตรวจพบความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุรุนแรงอยู่ภายในอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ปฏิบัติการยืดเยื้อใช้เวลาล่วงมาจนถึงวันที่ 9 ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงใช้เครื่องมือทำการถากถางเคลียร์พื้นที่ อย่างทำอย่างระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย นอกจากนี้ พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกนาย ใช้ความอดทนในการปฏิบัติ หากพบความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุรุนแรง ให้เน้นการเจรจาและเชิญผู้นำศาสนาผู้นำท้องที่ เข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อม ให้ผู้ออกมามอบตัวเพื่อต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจในมาตรการการควบคุมพื้นที่และบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ ที่ได้ดำเนินการทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก และคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ และขออย่าหลงเชื่อข่าวลือ ข่าวลวงที่ผู้ไม่หวังดีหวังใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่นก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ และหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้โดยตรงที่เบอร์สายด่วน 1341 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขอบคุณข้อมูลเฟชบุ๊ก ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า – เพจใหม่