เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส. 3 บช.ปส. นำกำลังตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมหน่วยสงบไพรี บช.ปส. เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 4 คูหา พื้นที่อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมนายเชิดชาย สมรฤทธิ์ และนางสาวปวริศา ค้ำชู ผู้ต้องหารายสำคัญคดียาเสพติด โดยตำรวจ บช.ปส.นำหมายจับและหมายค้นมาแสดงกับนายเชิดชาย ก่อนคุมตัวค้นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ทีละคูหา โดยพบว่า 2 คูหาแรก เปิดธุรกิจฟิตเนส มีเครื่องออกกำลังกายแต่ละชั้น จากการตรวจค้นยึดเอกสารจำนวนหนึ่งไว้ตรวจสอบ ขณะที่อาคารพาณิชย์ อีก 2 คูหา เปิดเป็นร้านทำป้ายโฆษณา ตำรวจจึงให้นายเชิดชาย นำตรวจค้นแต่ละจุดเพื่อเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.มนูกล่าวว่า การจับครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจจับกุมนายวิเชียร เฉียงเมือง กับพวก รวม 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 2 แสนเม็ด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยใช้วิธีซุกซ่อนยาเสพติดในช่องลับของรถยนต์ จึงสืบสวนขยายผลพบว่ามีนายพนม ไชยันโต และนายเชิดชายเป็นผู้ว่าจ้างให้ขนยาเสพติด โดยมีหลักฐานเชื่อมโยง จนออกหมายจับ แต่นายเชิดชายปฎิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่รู้จักกับทั้ง 2 คน ทั้งนี้สืบสวนพบว่ากลุ่มนายเชิดชาย เป็นทีมลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคอีสานโดยมีนายเชิดชาย เป็นตัวการหลักจัดหาทีมขนยาและคิดวิธีการดัดแปลงช่องลับในรถยนต์ สำหรับซุกซ่อนยาเสพติดทุกประเภท ซึ่งการลำเลียงยาเสพติดในแต่ละครั้งจะมีปริมาณไม่มากเนื่องจากใช้ยานพาหนะที่มีช่องลับขนาดเล็ก อำพรางการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจในเส้นทางลำเลียง และใช้รถยนต์ส่วนบุคคลจำนวนหลายคันในการขับนำทาง สำรวจเส้นทางล่วงหน้า ติดตามและเฝ้าระวังคุ้มกันการลำเลียงยาเสพติด ปลายทางคือพื้นที่ภาคใต้ กระจายให้กับลูกค้ารายย่อย ส่วนทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติด เครือข่ายนี้จะนำมาเปิดบริษัท หรือประกอบกิจการเพื่ออำพรางเงินที่ได้จากค้ายาเสพติด ปฎิบัติการทลายเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดครั้งนี้ตำรวจกระจายกำลังเข้าตรวจค้นทั้งหมด 30 จุด ทั่วประเทศยึดทรัพย์ได้กว่า 50 ล้านบาท จับผู้ต้องหารายสำคัญทั้ง 2 คนคือนายเชิดชาย และนายพนม พร้อมทั้งจับเครือข่ายที่ถูกออกหมายจับทำหน้าที่ฟอกเงินอีก 3 คน
พล.ต.ต.พรชัยกล่าวว่า ตั้งเเต่ต้นปีนี้พบว่ายาเสพติดถูกลักลอบนำเข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออีสาน มากกว่าทุกปีกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยส่วนใหญ่พบเข้ามาทาง จ.นครพนม มุกดาหาร หนองคาย สกลนคร ผ่านเข้ามาพื้นที่ตอนในอย่างกรุงเทพฯ เเละปริมณฑล ก่อนนำส่งปลายทางไปยัง จ.นราธิวาส ตรวจสอบประวัตินายเชิดชาย พบเคยต้องโทษ เกี่ยวกับคดียาเสพติด 2-3 คดี เมื่อพ้นโทษก็กลับมาก่อเหตุซ้ำ โดยมีภรรยาและเครือญาติรับฟอกเงินและอำพรางทรัพย์สิน ขณะนี้จับผู้ต้องหาในเครือข่ายนี้ได้ 5 คน เหลืออีก 1 คน ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน ยึดทรัพย์เบื้องต้นเป็น บ้าน ที่ดิน อาคารพาณิชย์ รถยนต์ รวมมูลค่ากว่า 51 ล้านบาท