เผยแพร่:
นราธิวาส – ผบ.ฉก.นราธิวาส ประกาศเตรียมพิจารณาให้รางวัลนำจับ 10,000 บาท ให้แก่ผู้ชี้เบาะแสในการจับกุมขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวเข้าประเทศ เพื่อป้องกันโควิด-19 ระบาดและสกัดขบวนการ
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่ฐานปฏิบัติการชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 30 อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้เป็นประธานเปิดศูนย์กองบังคับการทางยุทธวิธีในการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมพื้นที่ตามแนวชายแดนด้าน จ.นราธิวาส เพื่อเป็นการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวและแรงงานไทยที่ฉวยโอกาสลักลอบเข้าประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ตากใบ อ.แว้ง และ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งมีระยะทางยาวกว่า 100 ก.ม. หวั่นจะนำเชื้อไวรัสโควิด-19 มาแพร่ระบาดในประเทศไทย หลังจากที่ประเทศมาเลเซียได้ออกมาตรการกฎเหล็กในการปิดประเทศถึงวันที่ 1 ส.ค.64 พร้อมทั้งได้ออกมาตราการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ทำให้แนวโน้มแรงงานต่างด้าวจะลักลอบเข้ามาในพื้นที่ จ.นราธิวาส มากขึ้น
ซึ่งวาระในที่ประชุม พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก.นราธิวาส มีการประชุมเพื่อเพิ่มกำลังสนับสนุนจาก อส.อ.สุไหงโก-ลก เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่กับเจ้าหน้าที่ทหาร และชุดควบคุมป้องกันชายแดน ที่จะส่งกำลังเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในจุดล่อแหลม เพื่อให้เพียงพอในการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองของกลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่อาจจะมาสวมรอยกับแรงงานต่างด้าวที่แอบลักลอบอยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ที่ได้มีการประกาศให้เข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่แรงงาน จ.นราธิวาส เพื่อให้สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ ตามมติคณะรัฐมนตรีจนถึงปี พ.ศ.2566 ในการควบคุมการแพร่ระบาดของแรงงานต่างด้าวที่อาจจะมีการสวมรอย
ด้าน พ.ท.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวในที่ประชุมเรื่องประเด็นการเอาผิดกับกลุ่มขบวนการนำพาหรือให้ที่พักพิง ในส่วนของแรงงานไทยที่แอบลักลอบเข้าทางช่องทางธรรมชาตินั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบและได้ควบคุมตัวข้อกฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะไม่ใช่การนำพา หรือให้ที่พักพิงแก่แรงงานต่างด้าวที่ได้ระบุไว้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องมีการพิจารณาหาข้อสรุปอีกครั้ง
ด้าน พ.ต.ท.สุเมธ กนกเหมพันธ์ สว.ตม.จว.นราธิวาส ได้แสงความคิดเห็นการจับแรงงานต่างด้าวในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงที่มีโรคโควิด-19 ระบาด ทาง ตม.จว.นราธิวาส สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวที่แอบลักลอบเข้าตามช่องทางธรรมชาติ จากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 63 ถึงปัจจุบัน จำนวน 93 ครั้ง ได้แรงงานต่างด้าว จำนวน 525 คน และมีแนวโน้มจะลักลอบเข้าประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากประเทศมาเลเซียประกาศล็อกดาวน์ เนื่องจากแรงงานต่างด้าวเมื่อลักลอบเข้ามาประเทศไทย หลังจากจับกุมดำเนินคดีแล้วจะถูกส่งตัวกลับประเทศ ซึ่งถือว่ากลับเข้ามาในประเทศไทยดีกว่าอยู่ในประเทศมาเลเซียที่มีข้อกฎหมายและบทลงโทษหนัก
ด้าน พ.อ.อายุพันธ์ กรรณสูต ผบ.ชค.ปชด. ได้กล่าวในที่ประชุมเพื่อขอสนับสนุนลวดหีบเพลง ที่ต้องนำมาตรึงที่บริเวณช่องทางธรรมชาติ ชุมชนท่าทราย ม.7 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ที่ขบวนการนำมาจะแอบลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาที่บริเวณช่องทางธรรมชาตินี้เป็นประจำ หลังจากที่ช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.ตากใบ ถูกเจ้าหน้าที่เข้มงวดอย่างหนัก จนกลุ่มขบวนการนำพาจะเปลี่ยนมาใช้ช่องทางธรรมชาติชุมชนท่าทราย ในการลักลอบข้ามแดนทดแทน ซึ่งตนได้แก้ปัญหาด้วยการนำลวดหีบเพลงจำนวนหนึ่งมาตรึงที่บริเวณดังกล่าวในการสกัดกั้นใช้ช่องทางดังกล่าวไม้ให้กลุ่มขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวใช้พื้นที่จุดดังกล่าวแล้ว
ด้าน นายอภินันท์ ชาจิตตะ ปลัด อ.สุไหงโก-ลก กล่าวว่า ชุมชนท่าทรายเป็นช่องทางธรรมชาติที่กลุ่มขบวนการแอบลักลอบนำคนไทยและบุคคลต่างด้าวข้ามมาในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งถือว่าว่าพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งทางอำเภอได้แจ้งให้ทาง จนท.สาธารณสุข อ.สุไหงโก-ลก ไปซุ่มตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องและได้กักตัวชาวบ้าน จำนวน 14 คน ที่อาศัยอยู่ในชุมชนดังกล่าวเพื่อดูอาการ แต่ยังได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 คน แต่ยังไม่สามารถประกาศได้ต้องรอคำสั่งจากทางจังหวัด
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นสิ่งจูงใจในการขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ละแวกช่องทางธรรมชาติต่างๆ รวมถึงชุมชนต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างทั่วถึงตลอด 24 ชั่วโมง พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้หยิบยกประเด็นเตรียมการตั้งรางวัลนำจับ จำนวน 10,000 บาท ให้แก่ผู้ชี้เบาะแสในการจับกุมขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าว ซึ่งเชื่อว่าหากกลุ่มขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวเข้าประเทศถูกจับกุมได้สัก 3-4 ราย กลุ่มขบวนการนำพาก็จะหมดไป การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากประเทศมาเลเซียก็จะมีความสุ่มเสี่ยงน้อยลงตามไปด้วย