นราธิวาส – คนร้ายใช้เอ็ม 16 ดักยิงนายก อบต.บาโงสะโต จ.นราธิวาส ขณะขับรถไปประชุมที่ที่ว่าการอำเภอระแงะ โชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บ เผยเคยถูกลอบยิงมาแล้วเมื่อปี 2549 งงไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร ตำรวจตั้ง 2 ประเด็นเรื่องส่วนตัว-การเมือง
วันนี้ (22 ก.พ.) พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ นาคมรกต สารวัตรสอบสวน สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายดักซุ่มยิงนายฆอยรินทร์ บินสะมะแอล อายุ 53 ปี นายก อบต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดบริเวณสามแยกบาโย บ้านบละแต ม.4 ต.บาโงสะโต จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปิยภัทร ทองพันเลิศกุล ผกก.สภ.ระแงะ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่บนถนน จำนวน 7 ปลอก ส่วนนายฆอยรินทร์ได้ขับรถยนต์กลับไปที่บ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวที่บ้านพักของนายฆอยรินทร์ พบถูกกระสุนปืน เอ็ม 16 ของคนร้ายที่ฝากระโปรงหลัง 1 นัด และที่ใต้ประตูด้านคนขับอีก 1 นัด รวม 2 นัด เจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน
นายฆอยรินทร์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ขับรถไปร่วมดื่มน้ำชากับชาวบ้านที่ร้านน้ำชาในหมู่บ้าน ซึ่งทำเป็นกิจวัตรประจำวัน จากนั้น ได้ขับรถไปประชุมที่ที่ว่าการอำเภอระแงะ ในช่วงเวลา 10.00 น. และขณะที่ขับรถถึงสามแยกบาโย ได้ชะลอความเร็วเพื่อเลี้ยวรถเพื่อมุ่งหน้าไปที่ว่าการอำเภอระแงะ จู่ๆ ได้มีคนร้าย 1 คน ซึ่งดักรออยู่ริมถนน ได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่ ตนจึงได้รีบขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ เพื่อมุ่งหน้าไปตั้งหลักที่บ้านพัก แล้วคนร้ายได้วิ่งขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโปรตรอน ป้ายทะเบียนประเทศมาเลเซียหลบหนีไป และเมื่อถึงบ้านพักตนจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว
นายฆอยรินทร์ กล่าวว่า ตนเคยถูกคนร้ายลอบยิงมาแล้ว 1 ครั้งในปี 2549 ซึ่งครั้งนั้นเป็นเรื่องของความมั่นคง ตนไม่ได้รับบาดเจ็บ โดยครั้งนี้มาถูกลอบดักซุ่มยิงอีกครั้ง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ตนยังงงกับเหตุการณ์ เพราะไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งหรือบาดหมางกับผู้ใด โดยในทุกๆ เช้าของทุกวัน ตนจะปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกายไปตามถนนในหมู่บ้าน ถ้าคนร้ายหมายที่จะสังหารตนก็ลงมือได้ทุกวัน แต่มาเกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้ตนต้องคิดทบทวนช่วงเวลาที่ผ่านมาว่าไปกระทำสิ่งใดๆ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจให้ใครไม่ถูกใจหรือโกธรเคืองบ้างหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.ปิยภัทร ทองพันเลิศกุล ผกก.สภ.ระแงะ เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งไว้ 2 ประเด็นในเบื้องต้น คือ เรื่องปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว กับเรื่องของการเมืองท้องถิ่น ซึ่งหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับคนร้ายที่ลอบก่อเหตุในครั้งนี้เป็นกล้องหน้ารถของผู้เสียหาย ที่จับภาพพฤติกรรมของคนร้ายไว้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาสได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 จ.ยะลา ไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวน หาตัวคนร้ายมาลงโทษต่อไป