ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พบผู้ป่วยหน้าใหม่ 490 ราย
ขณะที่ในสัปดาห์หน้าจะเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ซึ่งโดยปกติจะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไหว้บรรพบุรุษ และเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่จีนภายในครอบครัว ทาง ศบค. ได้เรียกร้องให้ประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนร่วมกันฉลอง “ตรุษจีนปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19” โดย พญ. พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แนะนำให้งดการรับประทานอาหารในจานของตนเอง และงดการทานร่วมกันในครอบครัว
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 วันนี้ (6 ก.พ.) พบว่า ไทยมีผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่ 490 ราย เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 479 ราย ในจำนวนนี้มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 67 ราย, การค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 412 ราย และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าไปอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ 10 ราย ส่วนที่เหลืออีก 1 รายเป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ
เป็นผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมของไทยไปอยู่ที่ 23,134 ราย แต่ส่วนใหญ่รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 16,274 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 79 ราย
นับจากไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 เมื่อ 17 ธ.ค. 2563 พบว่าเชื้อกระจายตัวไปแล้วใน 63 จ. แต่ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเหลือเพียง 16 จ. เท่านั้นที่ยังพบผู้ป่วยหน้าใหม่
ต่อมาวันที่ 1 ก.พ. ศบค. ตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 โดยให้ ให้สถานศึกษากลับมาเปิดการเรียนการสอนได้ และระยะยืดเวลาในการให้นั่งรับประทานอาหารที่ร้าน ยกเว้นใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งยังเป็น “พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุดและเข้มงวด” ที่ยังใช้มาตรการเข้มข้นกว่า 76 จ. ที่เหลือ
ด้านสถานการณ์การแพร่ระดับของโควิด-19 ในต่างแดน มียอดผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลกกว่า 105.9 ล้านราย เสียชีวิตรวมกว่า 2.3 ล้านราย โดยประเทศสหรัฐฯ ยังครองอันดับ 1 ด้วยยอดผู้ติดเชื้อสะสม 27.4 ล้านราย เสียชีวิตสะสม 4.7 แสนราย ตามด้วยประเทศอินเดีย มีผู้ติดเชื้อสะสม 10.8 ล้านราย และบราซิล 9.4* ล้านราย ส่วนไทยถูกจัดเป็นอันดับที่ 115 ของโลก
ในห้วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (22 ม.ค.-5 ก.พ.) ยอดผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 4-5 แสนราย โดยจุดที่ ศบค. ให้ความสนใจตามการรายงานข้อมูลวันนี้อยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งพบผู้ป่วยหน้าใหม่ 3,391 ราย และมียอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 2.3 แสนราย เนื่องจากมีชายแดนติดกับ 4 จังหวัดภาคใต้ของไทย ได้แก่ นราธิวาส, ยะลา, สงขลา และสตูล จึงต้องเฝ้าระวังการลักลอบเดินทางข้ามแดนโดยใช้พรมแดนตามธรรมชาติ